ข้อความต้นฉบับในหน้า
ในครั้งพุทธกาลมีสิ่งที่ไม่ยุ่งเกี่ยวอย่างมากเลย คือ ระบบวรรณะ เพราะว่าศาสนาพราหมณ์ หรืออินดูอว่าคนวรรณะพราหมณ์เกิดจากปากของพระพรหม เพราะฉะนั้นเป็นวรรณะสูงสุด คณะวรรณะกฤษฎรีเกิดจากแนว คณะวรรณะแพศย์ พวกค้าขา ช่างฝีมือ เกิดจากสะโพก ส่วนคนวรรณะศุตร หรือพวกกรรมกร เกิดจากเท้า เพราะฉะนั้นพวกนี้ที่สุด กำเนิดเกิดมายังไงเปลี่ยนแปลงไม่ได้ เกิดจากเท้ากับหน้ากำตาเขาทำหนักต่อไป
พระสัมมาสัมพุทธเจาทรงเป็นนักปราชญ์หรือจะเรียกว่เป็นนักปรัชญผู้ยิ่งกว่าที่ได้ พระองค์ทรงร้อยระบบวรรณะหมดเลย ในสังคมของพระพุทธศาสนาไม่มีวรรณะ ทุกคนเสมอภาคและเท่าเทียมกัน ในสังคมสงฆ์ใครจะเกิดจากระบบไหนก็ได้ เพราะบางพระ ของเก่าก็เหลือศูนย์ มามีมันหนึ่งในธรรมวินัย พระพุ่งองค์ถือตามอายุความวรรณะ ใครว่างก็เป็นพี บวชที่หลังเป็นน้อง อายุ สถานภาพเดิมก่อนบวช ทุกอย่างลงทั้งหมด ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่มาก
แม้กระทั่งคนไม่บวชก็เหมือนกัน บางทีเขาถูกปลูกฝังอย่างนั้น เขาเชื่ออย่างนั้น คนวรรณะศุทธิ์ต้องนุ่งห่มสีมอ ๆ และอยู่กันแบบโทรม ๆ ทำงานหนัก ๆ เพราะเขาถูกปลูกฝังตั้งแต่เกิดว่า เขาต้องเป็นอย่างนั้น แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่าไม่ใช่ คนทุกคนเกิดมาอยู่ว่าเป็นมนุษย์เหมือนกัน สิ่งที่จำแนกให้ต่างกันก็คือ สิ่งที่แต่ละคนกระทำ คนจะสูงจะต่ำไม่ได้ควรเนิด แต่ อยู่ที่สิ่งที่เขาทำ ถ้าทำดี เขาจะสูง ถ้าทำสิ่งที่ไม่ดี คนนี้จะเป็นคนต่ำ คือวรรณะลิมิต ไม่ใช่พระมหิทธิ เราเคยได้ฟังโลกนี้ลิตใหม่ ว่า
ผู้ชนะกำเนิดคล้ายคลึงกัน
ใหญ่ย่อมเพศผิวพรรณ แตกบ้าง
ความรู้ทางเรียนทัน กันหมด
วันแต่ชั่วก็คล้ายง่าย อ่อนแก่ ดูไหว
ผู้ชนะกำเนิดคล้ายคลึงกัน เพราะว่า ทางทุกคนมีจุ่ม มีปาก มีตา เหมือนกัน จะเป็นคนชาติไหน ภาษาไหน ก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน ใหญ่ย่อมเพศผิวพรรณ แตกบ้าง ที่ตรงกันอย่างมากก็ ขาวบ้าง ดำบ้าง สูงบ้าง เตี้ยบ้าง หน้าตาด่างกันบ้าง แต่ อย่างไรดูแล้ว ก็เป็นมนุษย์ เห็นก็ว่าเป็นคน ความรู้ทางเรียนทันกันหมด ในแจ้งความรู้สึกยังอ้างเป็นเรื่องรองเสียอีก เพราะว่ามารรเรียนกันได้ เว้นแต่ชั่วก็จะต่าง อ่อนแก่ ดูไหว แต่ความดีความชั่วที่เป็นสิ่งสำคัญ ถ้าไม่แก้ก็ยากจะไปรอด
เพราะฉะนั้น พระองค์ทรงแก้โดยติดต่ออารมณ์ปัญญา ก่อน ให้บุรู้จาว่า คนเราไม่ได้เกิดจากพระโอษฐ์หรือบิดาอะไร ความจริงก็คือ เกิดจากท้องคุณแม่เหมือนกัน แล้วจะดีไม่ดีอยู่ที่กรรมที่คุณทำ การกรรมดีเป็นกุศล สูงส่ง ทำกรรมชั่วก็เป็นบาป แล้วก็มีบาปหรือทุคติเป็นไปในเบื้องหน้า พระองค์ทรงนำความจริงมาบอก พอเข้าใจแล้ว คนวรรณะศุทธที่เคยมกว่า ๑๓ ซ้ำ ๆ ก็มีชีวิตชีวาขึ้นมาเลย พัฒนาตัวเองทุกอย่าง