การสร้างสังคมในอุดมคติตามหลักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า วารสารอยู่ในบุญประจำเดือน สิงหาคม พ.ศ.2557 หน้า 87
หน้าที่ 87 / 124

สรุปเนื้อหา

ผู้เขียนเสนอมุมมองการสร้างสังคมอุดมคติผ่านแนวทางของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยเน้นว่าความยุติธรรมและความรู้เป็นพื้นฐานของสังคมที่สงบสุข หากทุกคนมีความเข้าใจที่ถูกต้องและตั้งอยู่บนหลักความยุติธรรม สังคมจะค่อยๆ รวมกันเป็นหนึ่ง ไม่แตกแยก และมีความสุขร่วมกันอย่างยั่งยืน ในฐานะที่มีการเปรียบเทียบกับสังคมในยุคพุทธกาล ซึ่งมีความแตกต่างจากปัจจุบัน แต่สามารถนำมาใช้เป็นแบบอย่างในการพัฒนาสังคมในปัจจุบันได้

หัวข้อประเด็น

- การปรับปรุงสังคม
- ความยุติธรรมในสังคม
- ความรู้และการศึกษา
- เปรียบเทียบสังคมในอดีตและปัจจุบัน
- หลักคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ข้อความต้นฉบับในหน้า

นี่คือข้อความที่สแกนได้จากภาพ: ฉันนั้น ให้เริ่มใช้กิจกำของพระสัมาสัมพุทธเจ้า คือ จะปรับปรุงสังคมได้ก็ตาม ต้องเริ่มที่การดีอาวุธทางปัญญา ให้ความรู้ให้ทุกคนเข้าใจความจริงว่า อดเป็นสิ่งไม่ดี อย่าเชื่อเขา แต่ให้ถือหลักความถูกต้อง แล้วต่อเข้าไปสู่ความยุติธรรมให้ได้ พอคิดอย่างนี้แล้วหากจุดร่วมกัน เพราะว่าความถูกต้องยุติธรรมจริง ๆ แล้ว มีจุดเดียว ถ้าทุกคนพุงมาตรนี้แล้วจะค่อย ๆ มารวมกันได้ แต่ถ้าเขือถามความชอบใจของแต่ละคน สุดท้ายความแตกต่างทางความคิดจะแยกย่อยไปสู่ความแตกแยกมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งไม่เป็นผลดี แล้วคนในสังคมนั้นก็จะไม่ค่อยมีความสุข ดังนั้น ดีที่สุดคือให้ความยุติธรรมสำหรับทุกคน และเมื่อทุกคนรักษาความสงบในใจเองคืนนี้สมออยู่กับบุญ ใจเราก็จะสบาย ถึงข้นนอกจากวายแต่เราไม่วายนา เสร็จแล้วค่อย ๆ ให้ความรู้ความเข้าใจถูกต้องแสวงสังคมมากขึ้น สุดท้ายเมื่อคนในสังคมเข้าใจถูกต้องตรงกัน เห็นความสำคัญของความยุติธรรม แล้วพุงไปสี่ทางเดียวกัน จะค่อย ๆ หลอมรวมสิ่งที่แตกต่างและแตกแยกให้กลมกลืนเข้าไป สุดท้ายสังคมก็จะสงบสุข ความยุติธรรมก็จะบังเกิดขึ้น ทุกคนก็อยู่ร่วมกันด้วยความเมียเนินสุข **สังคมแบบที่กล่าวมานั้นเหมือนเป็นสังคมในอุดมคติ จะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่? ในยุคพุทธกาลมีสังคมแบบนี้เกิดขึ้นแล้วจริง ๆ หรือไม่?** พิลุฉันแล้วในครั้งพุทธกาล อิเทนในครั้งพุทธกาลมันน้อยกว่าปัจจุบัน ถ้าโครงชั้นชั้นนั้นเกิดมาแยกกันเลยแต่งงานกันไม่ได้ บางครั้งมองเห็นกันยังไม่ไดเลย เมื่อไรก้เข้ามาระนะมาแต่งงานกัน ลูกเกิดมาอ่าวต้องไปเป็นจันตาล หูดจาก เด พวกไปเลย ถ้าเป็นจันตาลแค่เห็นต้องเอาล้างตา ถือเป็นเสน่ห์จูบจะมั่งเกียวกันขนาดนั้น แต่พระพุทธองค์พลิกฝ่ามือเดียว จะเป็นจันตาล ศุทธ แพย์ กษัตรย์ พราหมณ์ ถ้ามาบวชแล้วเหมือนกันหมดอยู่ร่วมกันด้วยความสงบและสามัคคี ทรงทำได้จริง ด้วยการให้ความเข้าใจถูกต้องแก้ทุกคนโดยเริ่มต้นจากหนึ่ง สอง สาม เป็นสิบ เป็นพัน เป็นล้าน แล้วคุ้มไปทั่วสังคม **สังคมในอุดมคตินี้พวกคอมวิตัสเขามีกันใช่ไหม?** ของคอมวิตัสเขาใช้การบังคับ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงใช้ความรู้ ใช้ปัญญานำหน้า คอมวิตัสใช้กัลยาณบีเป็นว่าเสมอกันโดยทุกคนเท่ากันหมด แล้วมีอภิสิทธิ์ชนคือชนชั้นผู้นำของพรรค สังคมเลยไม่เจริญ แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงใช้ความสมัครใจโดยเอาปัญญานำหน้า ผลคือทุกคนอยู่รวมกันด้วยความสุข เจริญทั้งจิตใจ เจริญทั้งความรู้...
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More