ชีวิตของผู้ขายแผงลอยในตลาดวัยรุ่น วารสารอยู่ในบุญ ประจำเดือน ธันวาคม พ.ศ.2550 หน้า 62
หน้าที่ 62 / 100

สรุปเนื้อหา

เรื่องราวนี้เล่าเกี่ยวกับชีวิตของผู้ขายแผงลอยสองคนที่พยายามหนีความเป็นลูกจ้าง โดยใช้เงินหลักร้อยไปซื้อกระเป๋าขาย แต่กลับพบกับความยากลำบากมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น งานที่ต้องทำหนักขึ้น และความไม่มั่นคงในการค้าขาย ทั้งยังถูกขับไล่จากที่ขายสินค้า ต้องหลบหนีจากการตรวจสอบสินค้าลิขสิทธิ์ สถานการณ์ที่ต้องอาศัยอยู่ในห้องเช่าขนาดเล็ก และการกินนอกห้องเพื่อประหยัด สิ่งเหล่านี้ทำให้พวกเขาอดทนและต่อสู้เพื่อตัวเองแม้จะเจออุปสรรคมากมาย

หัวข้อประเด็น

-ชีวิตผู้ขายแผงลอย
-การดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด
-ความยากลำบากในการค้า
-การใช้ชีวิตในเมืองใหญ่
-การหนีจากการเป็นลูกจ้าง

ข้อความต้นฉบับในหน้า

bebe bebe BIG& BOYO HAPPY KIDS ก็ได้เงินแค่หลักร้อย ซึ่งก็เอาเงินหลักร้อยนี่แหละ เป็น ทุนไปซื้อกระเป๋าใบละ ๑๐ บาทมายืนขาย จากนั้น ก็ตัดสินใจไปขายยังตลาดวัยรุ่นแถวสะพานพุทธ แต่พอขายๆ ไปก็เข้าเนื้อ เพราะค่ารถ ค่ากิน ค่าที่ พอหักค่าใช้จ่ายแล้วแทบไม่เหลืออะไรเลย แถมยัง ต้องเหนื่อยเพิ่มขึ้นเป็น ๒ เท่า เพราะต้องทำงาน ทั้งเช้า ทั้งกลางคืน แต่ก็ต้องทน เพราะเราอยาก หลุดพ้นจากความเป็นลูกจ้าง เราไม่อยากเป็นลูกจ้าง เขาไปตลอดทั้งชีวิต” ชีวิตที่ต้องดิ้นรน แต่พวกเธอดิ้นเท่าไรก็ยิ่งไม่ หลุด เหมือนยิ่งดิ้นความเหนื่อย ความสาหัสของ ชีวิตก็ยิ่งเพิ่มขึ้น “เราก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ทั้งๆ ที่ทำงานมาก กว่าเดิม เหนื่อยหนักกว่าเดิมมาก จนนอนไม่พอ ใจสั่น เวลายืนมีอาการโคลงเคลงตลอด แต่ก็ไม่ได้ รวยขึ้นเลย แถมบางครั้งโชคยังไม่เข้าข้างเพราะ เวลาไปตั้งแผงขายที่ไหน ก็โดนขับไล่ กลั่นแกล้ง กระทบกระเทียบด่าว่า ว่าอย่ามาเกะกะขวางทาง บางทีก็โดนเอาเชือกมาผูกล้อมไม่ให้ขาย ทั้งๆ ที่เรา กำลังขายอยู่เห็นๆ บางทีก็โดนตำรวจซื้อค้นดูว่า สินค้าเราเป็นของลิขสิทธิ์หรือเปล่า คือ ต้องขาย กันอย่างหวาดระแวง เพราะเราไม่มีทุนเปิดร้านเป็น ของตัวเอง แม้ในช่วงที่ได้ลาออกจากงานทั้งคู่มาขาย แผงลอยเร่ร่อนเต็มตัว สภาพเราลำบากกันสุด ๆ เพราะต้องนั่งรถไปซื้อผ้ามือสองจากโรงเกลือที่ติด ชายแดนเขมรมาขาย บางวันไปถึงด่านปิดแล้ว เขา เก็บร้านไปแล้ว เราก็ต้องนอนกันที่ศาลาข้างถนน กลัวก็กลัว ยุงก็กัดจนพรุนไปหมด พอตื่นมาก็รีบไป เลือกผ้าตั้งแต่เช้าจน ๔ โมงเย็น พอขนเสื้อผ้ากลับ มาที่ห้องก็ไม่มีที่เก็บอีก เพราะห้องที่เช่าอยู่กัน มัน กว้างแค่ ๒ คูณ ๒ เมตรเท่านั้น แต่ก็ต้องยัดผ้า เข้าไปในห้องให้ได้ กลางคืนเราต้องทำงาน ทำให้ กลางวันเราเหนื่อยกันมาก แต่พอกลับมาห้อง ก็ไม่มี ที่จะนอน ต้องไปเช่าเสื่อนอนกลางวัน ๒ - ๓ ชม. กันที่สวนลุมฯ อย่าว่าแต่ไม่มีที่จะนอนเลย ที่จะกิน ข้าวก็ไม่มี ต้องออกมายืนกิน เดินกินนอกห้อง บางที ก็ไปอาศัยที่นั่งตามศูนย์อาหารแถวประตูน้ำนั่งกินข้าว เราทนอยู่กันในห้องเช่าที่สภาพแวดล้อมแย่มากๆ เพราะนอกจากห้องเล็กแล้ว เวลาใช้ห้องน้ำก็ต้องใช้ ด้วยความหวาดระแวง เพราะเป็นห้องน้ำรวมที่มี พวกโรคจิตเอากระจกมาติดเพื่อแอบดูเสมอๆ แถม ขโมยก็ชุม เสื้อผ้าซักตากไว้ ก็หายไปทั้งเปียกๆ
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More