ข้อความต้นฉบับในหน้า
66
ตอนเลิกนั่งสมาธิเขามีการใส่ซองทำบุญ นายห้าง แต่ละคน เขาใส่แบงค์ร้อย
แบงค์ ๕๐๐ ส่วนเรารู้สึกอายที่เรา ๒ คนมีทำบุญคนละแค่ ๑๐ บาท แต่ก็ยอมทนอาย
มาศูนย์ทุกวันศุกร์ ด้วยความที่อยาก ฟังธรรมะจากพระอาจารย์ เพราะยิ่งมาก็ยิ่งทำให้เรา
เข้าใจเรื่องบุญมากขึ้นๆ รู้ว่าสาเหตุที่ชีวิตเราต้อง มาเจอแบบนี้ก็เพราะเราไม่ได้ทำบุญมา
พอรู้และเข้าใจอย่างนี้ทำให้เราพยายามทำบุญเรื่อยๆ จนกระทั่งชีวิตเริ่มดีขึ้น
จะมองไปทางไหน ก็เจอแต่พวกนิโกรค้ายา ติดยา
แม้จะไม่อยากอยู่ ก็ต้องอยู่ เพราะค่าเช่ามันถูก
ที่สุดแล้ว
เราทำงานแบบไม่มีวันพัก ป่วยก็ยังต้องทนทำ
ช่วงที่ไม่ใช่เวลาขาย ก็ต้องกลับมาเย็บ มาซ่อมผ้า
ตัวที่มีตำหนิ เอาผ้าแช่ไฮเตอร์ ซักกันจนน้ำยากัด
มือแดงถลอกแสบไปหมด ลำบากถึงขนาดนี้ แต่ก็
ไม่รวยขึ้นเลย เพราะในช่วงที่เราขายไม่ได้ มันขาย
ไม่ได้จริงๆ บางวันขายกันถึง ๔ ทุ่ม ก็ยังขายไม่ได้
ขายไม่ได้ติดๆ กัน ๓ - ๔ วันก็มี โดยเฉพาะในช่วง
เกิดสึนามิตลาดเงียบมาก บ่อยครั้งที่เราหมดตัว ไม่มี
เงินกันเลย แม้เงินจ่ายค่าเช่าห้องวันละ ๕๐ บาท
ก็ยังไม่มี ต้องขอผัดจ่าย โดยจะจ่ายเพิ่มอีกวันละร้อย
เพื่อไม่ให้เขาไล่เราออก เพราะเงินไปจมอยู่ในเสื้อผ้า
ที่ขายไม่ได้ ความไม่มีเงินทำให้เราต้องเดินไส้แห้ง
ไปขอซื้อน้ำก๋วยเตี๋ยว ๑๐ บาท เพื่อเอามาคลุก
กับข้าวเปล่าที่พอเหลืออยู่หน่อยหนึ่ง กินกับเพื่อน
๒ คน แต่คนขายก็มองเราด้วยสายตาแปลกๆ ไม่
ยอมขายให้ เพราะกลัวว่าเราจะขโมยสูตรไปทำ
ขายแข่งกับเขา จนต้องอ้อนวอนให้เขายอมขายให้
แต่ก็ตักให้น้อยมากๆ ซึ่งดูแล้วเราไม่พอแบ่งกินกับ
เพื่อน จึง ต้องไปซื้อมาม่าเพิ่มอีก
มาม่าตอนมีเงินเรารู้สึกว่ามันอร่อย แต่กินตอนไม่มี
อะไรจะกิน มันจุกอยู่ที่คอหอย มันกลืนแทบไม่ลง
ทั้งๆ ที่หิว เราไม่คิดว่า ชีวิตจะตกต่ำจนถึงขนาดนี้
จนกระทั่งช่วงปีพ.ศ. ๒๕๔๗ มีคนที่ศูนย์
ปฏิบัติธรรมประตูน้ำเดินกลับจากนั่งสมาธิผ่านมา
ห่อ การกิน
ถามเราว่า "น้องๆ ขายดีไหม" เราตอบไปว่า “ไม่ดี
เลยพี่ เขาก็เลยบอกกลับมาว่า "ถ้าอยากขายดีให้
ไปนั่งสมาธิส” ตอนนั้นพวกเราหันมามองหน้ากัน
แล้วต่างรำพึงแกมสนใจว่า นั่งสมาธิแล้วจะขายดีจริง
หรือ หากจริงก็น่าลองดู เพราะจะอดตายกันอยู่แล้ว
เราสองคนขายมาหลายอย่างแล้ว ยังมองไม่เห็นเงิน
มองไม่เห็นอนาคตว่ามันจะดีขึ้น ก็เลยตัดสินใจพา
กันไปนั่งสมาธิที่ศูนย์กัลยาณมิตรประตูน้ำ พอเรา
ก้าวเข้าไป ก็เกิดความไม่มั่นใจในตัวเองอย่างแรง