ข้อความต้นฉบับในหน้า
เดี๋ยวก็หาย พี่ชายและคุณแม่พูดเสียงเศร้าๆ ว่า “ครั้งนี้เป็นหนักมาก
ถ้าลงมาเมืองไทยได้ก็ให้รีบมานะ” จนกระทั่งวันหนึ่งหลังจากน้อง
เล็กเข้าโรงพยาบาลเกือบเดือน แม่บอกว่าน้องเล็กไม่พูดโทรศัพท์
กับผมแล้ว เธอไม่มีแรง ตอนนั้นผมกำลังติดพันเรื่องการเข้าเรียน
ต่อปริญญาโท แต่สุดท้ายก็ขอลาอาจารย์กลับเมืองไทย ไปถึง
โรงพยาบาล ภาพที่เห็นคือน้องเล็กตัวผอมดำ หนังติดกระดูก
ตาเหลือง ผมไปนั่งข้างๆ เตียง สักพักน้องเล็กตื่น ยิ้มอย่างเหนื่อยๆ
ให้ผม ผมพูดว่า “ว่าไงจ๊ะ พี่มาแล้ว รีบๆ หายนะ”
ผมรีบกลับกรุงเทพฯ ไปทำบุญสร้างพระที่เจดีย์ ซึ่ง
จะเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาของโลกต่อไปในอนาคต
ถวายภัตตาหารพระ สร้างโรงพยาบาลสงฆ์ที่
ใจจริงผมอยาก
จังหวัดนครนายก และอีกหลายบุญใ
บใส่ชื่อของ เรียนต่อจนถึง
น้องเล็ก แล้วก็รีบกลับมาที่กาฬสินธุ์
ในตอนนั้นทุกคนคิดว่าน้องเล็กคง
ไม่รอดแน่ เพราะอาการแบบนี้ไม่เคยมี
ใครรอด คุณแม่เล่าว่า คุณพ่อเดินร้องไห้ไป
ปริญญาเอก แต่
กว่าจะถึงวันนั้น
ผมอาจจะต้องเอา
ปริญญาบัตรไปวาง
ไว้หน้าศพน้องเล็ก
ทำงานทุกวัน บางทีก็เบลอ เหมือนคนเสียสติ แล้วก็พูดว่า “เรียน
ขึ้นรถโดยสารไปถึงที่ทำงานแล้วก็ได้สติว่า จบแล้วนะ” ก็ได้ ซึ่ง
ลูกป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล ก็นั่งรถกลับมาอีก ถ้าเป็นอย่างนั้น
พี่ชายคนโตไปนั่งข้างๆ เตียงจับมือน้องเล็ก ผมคงเสียใจไป
ตลอดชีวิต