ข้อความต้นฉบับในหน้า
ใจก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
เมื่อใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวมากเข้า
แทนที่จะรู้เรื่องของตัว ก็ไปรู้สิ่งที่นอกตัว ความรู้ที่อยู่นอกตัว
นั้น ยิ่งรู้ก็ยิ่งร้อน ยิ่งรู้ก็ยิ่งมืด ยิ่งรู้ก็ยิ่งไม่บริสุทธิ์ รู้อย่างนั้นก็
ไม่พ้นจากทุกข์ทรมาน แล้วก็วนเวียนอยู่อย่างนั้นเรื่อยไป ให้
เขากดธาตุธรรมให้ตกต่ำลงอย่างนั้นทีเดียว
เราจะรู้เรื่องราวได้ ต้องมาถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
คือได้บังเกิดในยุคของท่าน หรือความรู้ของท่านที่ยังปรากฏอยู่
ถ้าได้ฟังคําสอนหรือได้ศึกษาคำสอนนั้น เอามาไตร่ตรอง มา
พิจารณาหรือปฏิบัติตาม
เมื่อปฏิบัติถูกส่วน ความไม่รู้จริงก็หลุดออกไป เหมือน
กดสวิทซ์ไฟฟ้า ความมืดในห้องก็หายไป ความสว่างเข้ามา
แทนที่ ส่องให้เราได้เห็นสิ่งต่างๆ ที่อยู่ในห้องนั้นตามความ
เป็นจริง เห็นถึงไหนก็รู้ไปถึงนั้น จักขุ ญาณ ปัญญา วิชชา
แสงสว่าง ก็เกิดขึ้นพร้อมๆ กัน ไม่ก่อนไม่หลัง เกิดขึ้นพร้อมๆ
กัน จักขุงอุทปาทิ ญาณังอุทปาทิ ปัญญาอุทปาทิ วิชชา-
อุทปาทิ อาโลโกอุทปาทิ เกิดพร้อมกันไปเลย ความรู้จริงก็
เกิดขึ้นเมื่อถึงพระพุทธเจ้าหรือความรู้ของพระองค์ท่าน
แผนผังของชีวิต