ข้อความต้นฉบับในหน้า
การสร้างวัดมีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล เริ่มตั้งแต่ครั้งเสด็จโปรดพระเจ้าพิมพิสาร
หลังจากตรัสรู้ได้ประมาณ ๙ เดือน โดยในยุคนั้น การสร้างวัดแบ่งออกเป็น ๓ ประเภท
ประเภทที่ ๑ คือ วัดเพื่อการเผยแผ่
ประเภทที่ ๒ คือ วัดเพื่อการศึกษา
ประเภทที่ ๓ คือ วัดเพื่อการบรรลุธรรม
วัดทั้ง ๓ ประเภทนี้ มีขนาดพื้นที่ ลักษณะของท้องถิ่น และลำดับการเกิดขึ้น
๓
ก่อนหลังที่แตกต่างกัน
แต่มีลักษณะส่งเสริมกันในด้านการทำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา
ทำให้พระภิกษุในยุคนั้น แม้อยู่ต่างวัดกัน แต่ก็ทำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาร่วมกันได้
อย่างมีเอกภาพเป็นหนึ่งเดียวกัน ดังต่อไปนี้
Q).
วัดเพื่อการเผยแผ่
วัดเพื่อการเผยแผ่ หมายถึง วัดที่สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็น “ศูนย์กลางการเผยแผ่พระพุทธ
ศาสนาประจำยุค” มีขนาดพื้นที่กว้างใหญ่หลายร้อยหลายพันไร่ เป็นอุทยานร่มรื่น อาคาร
สถานที่ใหญ่โตมโหฬาร รูปทรงแสดงถึงความศักดิ์สิทธิ์และความสง่างาม ก่อสร้างด้วย
งบประมาณจำนวนมาก ตกแต่งด้วยวัสดุที่ทรงคุณค่าพิเศษ มีความประณีตอลังการ นิยม
สร้างอยู่ในเขตป่าแถบชานเมือง นอกเมืองหลวงของอาณาจักร โดยสามารถใช้เป็นที่อยู่
จำพรรษา ของพระภิกษุได้ไม่ต่ำกว่า รูป และสามารถจัดประชุมใหญ่ของชาว
พุทธได้ไม่ต่ำกว่า ๕,000,000 คน
๔๐,๐๐๐
วัตถุประสงค์หลักของการสร้างวัดเพื่อการเผยแผ่ คือ
เพื่อใช้เป็นที่ประทับจำพรรษาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและเป็นศูนย์กลางการ
6).
ทรงงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้ขจรขจายไปทั่วทุกแว่นแคว้น
๒. เพื่อใช้เป็นสถานที่ประชุมสงฆ์ทั้งแผ่นดินที่เดินทางรอนแรมมาเข้าเฝ้าพระสัมมา
สัมพุทธเจ้าตลอดเวลาทั้งกลางวันและกลางคืนโดยไม่เว้นแต่ละวัน
๓.
เพื่อใช้เป็นสถานที่ฝึกอบรมพระภิกษุให้เป็นนักเผยแผ่ ก่อนจะส่งกระจายออกไป
ยังท้องถิ่นต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
๔. เพื่อใช้เป็นสถานที่ฟังธรรมและประกอบบุญกุศลของพระราชาและชาวเมืองหลวง
ซึ่งนิยมมารวมประชุมกันที่วัดในเวลาเย็น หลังเสร็จสิ้นภารกิจการงานในแต่ละวันแล้ว
๕. เพื่อใช้เป็นสถานที่เชิดชูจรรโลงความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาให้ปรากฏ
ขึ้นในสายตาของชาวโลกในยุคนั้น อันจะก่อความเลื่อมใสศรัทธาแก่ผู้ยังไม่เลื่อมใสศรัทธา
และผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาอยู่แล้วก็เกิดความเลื่อมใสยิ่ง ๆ ขึ้นไป
ด
อริยวังสสูตร, อ.จตุกก.อ. ๓๕/๒๘/๘๗ (มมร.)
๒ ว่าด้วยบุคคลผู้มีสังโยชน์ในภายในและในภายนอก, องฺ.ทุก.อ. ๓๓/๒๕๔๑/๓๗๑ (มมร.)