ข้อความต้นฉบับในหน้า
ทันโลกทันธรรม
แต่ทำไมพระรูปนี้แค่เดินธรรมดา ๆ เราวิ่งจนเหนื่อย
ก็ยังตามไม่ทัน ทิฐิในตัวค่อย ๆ คลายลง เกิดการ
ยอมรับ เครดิตพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพิ่มขึ้นตลอด
เวลา ถึงคราวที่พระองค์ตรัสออกมาองคุลิมาลจึง
ใจเปิดทันที
นี้เป็นเพราะพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเข้าใจ
ธรรมชาติขององคุลิมาล การแสดงความเมตตา
ไม่ใช่ว่า ฉันหวังดีกับเธอ เจอหน้าก็พูดเลย ต้องเข้าใจ
ก่อนว่า เขาคิดอย่างไร ใจเขาเป็นอย่างไร เราต้อง
พูดแบบไหนถึงจะเปิดใจเขาได้ ต้องประสานทั้ง ๕
ข้อเป็นเนื้อเดียวกันอยู่ในคำพูดไม่กี่ประโยค พอได้
เวลา ได้จังหวะ องคุลิมาลกำลังเหนื่อย ใจเปิดแล้ว
พระองค์ตรัสอีกไม่กี่คำ องคุลิมาลทิ้งดาบกราบ
พระพุทธเจ้าขอบวชเลย นี้คือ “พูดดี พูดโดน
ง่ายกว่าที่คิด” แต่ต้องครบองค์ประกอบทั้ง ๕
ลองมาดูอีกตัวอย่างหนึ่ง มหาตมะ คานธี เป็น
ผู้นำของประเทศอินเดียในช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒
ประเทศอินเดียเป็นประเทศที่มีคนนับถือศาสนา
ฮินดูและศาสนาอิสลามในสัดส่วนประมาณ ๓ : ๑
ถึงคราวกำลังจะได้เอกราชจากอังกฤษ คนในประเทศ
ก็เริ่มทะเลาะกันเอง พอถึงจุดหนึ่งก็เกิดสงครามกลาง
เมือง คนมุสลิมฆ่าคนฮินดู คนฮินดูฆ่าคนมุสลิม
เกิดจลาจลฆ่าฟันกันขนานใหญ่ มหาตมะ คานธี
ประกาศอดอาหารจนกว่าจะเลิกฆ่ากัน ไม่น่าเชื่อ
ด้วยบารมีของท่านทำให้คนที่กำลังฆ่ากันค่อย
สงบลง แต่เรื่องนี้ไม่ง่าย ในระหว่างที่มหาตมะ คานธี
นอนป่วยอยู่บนเตียง มีฮินดูคนหนึ่งเข้าไปหาท่าน
ถือสายโซ่เปื้อนเลือดมา ท่าทางดุดัน บุกเข้าไปหา
ท่านแล้วบอกว่า “ท่านบอกให้ข้าพเจ้าเลิกฆ่าชาว
มุสลิมหรือ ท่านรู้ไหมว่าข้าพเจ้าเจออะไรมาบ้าง
ลูกน้อยที่น่ารักของข้าพเจ้าถูกพวกมุสลิมฆ่าตาย
ข้าพเจ้าทนไม่ไหว ต้องหาอาวุธเท่าที่จะหาได้ไป
ฆ่าล้างแค้น ท่านบอกมาสิว่า ข้าพเจ้าควรจะทำ
ๆ
แ
พูดดี พูดโดน
ง่ายกว่าที่คิด
มหาโจรฆ่าคนเป็นพัน
ฟังไม่กี่ค่าเท่านั้น
ทิ้งคาบขอบวชเลย
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ทรงใช้หลักครบทั้ง ๕ ข้อ
คือ สิ่งที่พระองค์ตรัส
เป็นเรื่องจริง
คําพูดก็สุภาพ
เพราะสามารถเปิดใจ
องคุลิมาลได้