ข้อความต้นฉบับในหน้า
อยากพูดอะไรก็พูด และเวลาเขาพูดมา เราก็อย่า
ฟังแค่คำพูด ต้องสังเกตด้วยว่า เขาพูดอย่างนี้แสดง
ว่าเขาคิดอะไร พอเข้าใจตรงนี้แล้ว เราจะสามารถ
ใช้คำที่พอเหมาะพอดีพูดตอบไปได้ อย่างนี้ถึงจะ
เรียกว่าพูดด้วยจิตเมตตา ระหว่างที่เราเป็นผู้พูด
ก็ต้องไตร่ตรองหาถ้อยคำที่เหมาะสม พูดออกไป
แล้วต้องสังเกตว่าปฏิกิริยาเขาเป็นอย่างไรบ้าง เดิม
เราคิดว่าน่าจะโอเค พอพูดไปแล้วอาจไม่ใช่อย่าง
ที่เราคิด ก็ปรับเนื้อหาและวิธีการพูดของเราให้
พอเหมาะพอดี ตรงกับใจของผู้ฟัง และยกใจเขา
ให้สูงขึ้นได้ อย่างนี้ถึงจะเรียกว่าเป็นการพูดด้วย
จิตเมตตา
ข้อที่ ๕ พูดถูกกาลเทศะ
เวลาจะพูดแต่ละเรื่องต้องสังเกตให้ดีว่าพูด
ตอนไหนถึงจะดี เขากำลังยุ่งอยู่หรือเปล่า มีอารมณ์
จะฟังเรื่องนี้หรือเปล่า สังเกตเวลาและสถานที่ให้ดี
ถ้าเขากำลังยุ่งก็อย่าไปกวนเขา เวลาจะโทรศัพท์
ถ้าดึกเกินไปก็ไม่โทร เช้าเกินไปก็ไม่โทร ถ้าเป็น
นักธุรกิจเช้า ๆ มักจะงานยุ่ง บ่าย ๆ รับประทาน
อาหารเสร็จ อารมณ์กำลังดี ร่างกายมีสารอาหาร
ไปหล่อเลี้ยง จิตก็ปลอดโปร่ง สมองก็โล่ง ๆ
น้ำตาลในเลือดก็เพียงพอ ถ้าก่อนเที่ยงกำลังหิว
มักคุยกันไม่ค่อยได้เรื่อง และต้องสังเกตด้วยว่า
เรื่องไหนควรจะพูดตอนไหน แล้วถ้าได้เจอเขา ก็
ให้สังเกตดูอารมณ์ จังหวะ เวลา และสถานที่ให้ดี
แล้วเราจะสามารถสื่อสารออกไปได้พอเหมาะพอดี
ถ้าครบ ๕ ข้อ ใจเปิดแน่นอน ทั้งพูดเรื่อง
จริง พูดด้วยคำสุภาพ พูดเรื่องมีประโยชน์ พูดด้วย
จิตเมตตา และพูดถูกกาลเทศะ ครบ ๕ ข้อเมื่อไร
ผลสำเร็จเกิดขึ้นทันที
ดูตัวอย่างจากเรื่องของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ที่ไปโปรดองคุลิมาล มหาโจรที่ฆ่าคนมาเกือบพันคน
เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเจอกับองคุลิมาลครั้งแรก
๓
พระองค์ยังไม่ตรัสอะไร ได้แต่เสด็จไปเรื่อย ๆ
องคุลิมาลก็ถือดาบไล่ฆ่าพระองค์ พระองค์เสด็จ
ต่อไปเรื่อย ๆ สบาย ๆ แต่องคุลิมาลวิ่งตามสุดฝีเท้า
ตามอยู่ ๓ โยชน์ คือ ๔๘ กิโลเมตร วิ่งจนหมดแรง
ยังตามไม่ทัน เลยตะโกนบอกว่า “สมณะหยุดก่อน”
พูดง่าย ๆ ว่าหยุดให้เราฆ่าหน่อย เราหมดแรง
วิ่งตามท่านไม่ทันแล้ว พระพุทธเจ้าตรัสตอบว่า
“ตถาคตหยุดแล้ว เธอยังไม่หยุด” องคุลิมาลสวน
กลับมาว่า “พระอะไรโกหก เดินอยู่แท้ ๆ บอกว่า
หยุดแล้ว” พระพุทธเจ้าตรัสตอบว่า “ตถาคตหยุด
แล้วจากการปลงสัตว์จากชีวิต เธอล่ะเมื่อไรจะหยุด”
สิ้นพระสุรเสียง องคุลีมาลทิ้งดาบจากมือ คุกเข่า
กราบขอบวชเลย
เราอาจจะนึกว่าทำไมง่ายอย่างนี้ นี้ก็คือ
“พูดดี พูดโดน ง่ายกว่าที่คิด” มหาโจรฆ่าคนเป็นพัน
ฟังไม่กี่คำเท่านั้นทิ้งดาบขอบวชเลย ทำไมง่ายอย่างนี้
แต่ถ้าสังเกตดูจะเห็นว่า คำพูดไม่กี่คำก็จริง แต่
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงใช้หลักครบทั้ง ๕ ข้อ
คือ สิ่งที่พระองค์ตรัสเป็นเรื่องจริง คำพูดที่สุภาพ
เพราะสามารถเปิดใจองคุลิมาลได้ เข้าไปสว่าง
กลางใจเหมือนสายฟ้าแลบแปลบเข้าไปเลย เรื่องที่
พูดก็มีประโยชน์อย่างยิ่งใหญ่ ทำให้องคุลิมาล
หยุดทำบาปกรรม และพูดด้วยจิตเมตตาอย่างยิ่ง
ข้อสุดท้ายนี้ประสานกับข้อกาลเทศะด้วย คือ ถ้า
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสสอนองคุลิมาลตั้งแต่
ตอนแรกที่พบกัน การสอนจะไม่ได้ผล แต่พระองค์
ทรงเข้าใจองคุลิมาลดีว่าเป็นคนที่ชอบวิชา ที่ยอมมา
ฆ่าคนเป็นพันก็เพราะหวังจะได้วิชาจากอาจารย์
ฉะนั้นการที่พระองค์ใช้อิทธิปาฏิหาริย์เสด็จไป แล้ว
องคุลิมาลต้องวิ่งตามอยู่ ๔๘ กิโลเมตร ระหว่างที่
วิ่งก็ต้องมีความคิดเกิดขึ้นมาเป็นชั่วโมง ๆ แล้วว่า
พระรูปนี้ไม่ธรรมดา เราเองก็มีฝีมือมาก ฝีเท้าก็เร็ว