ข้อความต้นฉบับในหน้า
คืนวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ พระจันทร์เต็มดวง
ทอแสงงามสว่างไสว มักเป็นคืนที่งามสำเร็จของผู้มีบารมีแก่กล้าสามัคคีผลเป็นอัศจรรย์...
ดังเช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ทรงมีวันประสูติ ตรัสรู้ และปริณิพพาน ตรงกับวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ แม้วันแสดงปฐมนิเทศนา
วันอาสาฬหบุญญา วันที่ทรงประทานโอวาทปาฏิโมกข์
(วันมาฆบูชา) ก็ตรงวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เช่นกัน
ลองพินิจว่าปีหลังพุทธกาล ก็ยัง "วันเพ็ญ"
ที่สำคัญอยู่ ยิ่งปกฏขึ้นกัน วันเพ็ญนี้กันเป็นวันเริ่มต้นแห่งการพลิกผันชีวิตของมนุษยชาตในยุคปัจจุบันเลยทีเดียว
๑
ย้อนไปเมื่อ ๑๗ ปีที่ผ่านมา เมื่อวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ พ.ศ. ๒๕๒๐ หลังจากลุุญอุปสรรคเพื่อฟังพระปาฏิโมกข์แล้ว พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺท libero) หลวงปู่ปาปา ภารีเมีย พระผู้อาราธนาง ขึ้นจะนับบวชได้ ๑๒ พรรษา ก้าวเดินเข้าไปยังอุโบสถวัดโพธิ์ (นบ) ตำบลบางคูเวียง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี ด้วยจิตมุ่งมั่นที่จะทำความเพีงใมห้รู้เท่าจริงในพระพุทธศาสนา
ท่านนั่งลงเบื้องหน้าองค์พระประธาน แล้วตั้งจิตอธิษฐานเอาชีวิตเป็นเดิมพันว่า "ถ้ากำลังลงไปครั้งนี้ ไม่เห็นธรรมที่พระพุทธเจ้าต้องการ เป็นอันไม่ลูกจากนี้จนหมดชีวิต" จากนั้นนำเพียรเพียรอย่างกล้าหาญกระทั่งบรรลุธรรมกาย นำวิชชาธรรมกายของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากลับคืนมาสู่โลกนี้อีกครั้งหนึ่ง
๒
เมื่อค้นพบวิชชาธรรมกายแล้ว พระเดช-พระคุณหลวงปู่เลือกที่จะเผยวิชชาธรรมกายของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปสู่ใจมหาชน แทนที่จะเหลี้ยนไปเบาเพี้ยนตามลำพังเขาดังเช่นพระปฏิบัติของคนทั้งหลาย ที่น้อมรำลึกโดยหวังว่า ปัจจุบันโลกเปลี่ยนไปอย่างน่ากลัว กะนั้นธรรมะจึงเป็นสิ่งที่คนใช้ในชีวิตจริง พิจารณาในแต่ละวันว่าทำเช่นไร จึงจะมีธรรมในจิตใจท่านปฏิบัติได้ถูกต้อง คนที่น้อมนำธรรมปฏิบัติจริงจังควรมีศรัทธาในหลักธรรมคำสอนและนำไปใช้ให้เกิดผลในชีวิตประจำวัน
}