ข้อความต้นฉบับในหน้า
"ด้วยอานุภาพของวิชา ๓ พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้รัสสิง ๔ ได้สำเร็จ"
ด้วยอานุภาพของวิชา ๓ พระพุทธองค์จึงทรงตรัสรู้รัสสิง สู่ ได้สำเร็จ นับแต่นั้นมากิสสิ่ง ท่อทุม หมกยอด บำ คับพระทัยของพระองค์มานานนับพันปีไม่วาน ก็ถูกกำจัดออก ไปจนหมดสิ้น ดังนั้น พระองค์จึงตรัสปลุกพุทธพจน์เป็นการประกาศอิสระภาพจากการเป็นนักโทษในวัฏสงสาร อย่างเป็นทางการว่า " เราแฉงหายายอย่างผู้ทำเรือน เมื่อไม่ประสบ จึงได้ท่องเที่ยวไปสู่สงสาร มีชติตีเน อนเทณ ความเกิดน้อย ๆ เป็นทุกข์, แนะนายช่างผู้ทำเรือน เราพบท่านแล้ว, ท่านจะทำเรือนอีกไม่ได้, ชีโครงทุกชื่อของท่าน เราหักเสียแล้ว, ยอดเรือนเราก็รื้อเสียแล้ว, จิตของเราถึงธรรมปรารถนาเครื่องปรุงแต่งแล้ว, เพราะเราบรรทุกธรรมสิ้นเต้นนาแล้ว"
* คำในบทปลุกพุทธพจน์นับค่างแผงความหมายไว้ดังนี้
เรือน หมายถึง ร่างกาย ที่ใช้ในการเวียนว่ายตายเกิดมานับพันปี
นายช่างผู้ทำเรือน หมายถึง ตันหา (ความอยาก) ซึ่งเป็นอีกชื่อหนึ่งของโลส อันเป็นสาเหตุให้ สรรพสัตว์ต้องติดคุกอยู่ในการเวียนว่ายตายเกิด
เราพบท่านแล้ว หมายถึง เราตรัสรู้พระสัมพุทธญาณ ได้พบท่านแน่นอนแล้ว
ท่านจะทำเรือนอีกไม่ได้ หมายถึง ท่านจะทำให้เรียนว่ายตายเกิดในสงสารวัฏว่างไม่ได้ ชีโครง หมายถึง กิเลสเหล่ าอื่นทั้งหมด ยอดเรือน หมายถึง วิชชา ได้แก้ ความไม่รู้แจ้งในเรื่องความจริงของชีวิต ทั้งในอดีต ปัจจุบัน อนาคต อันเป็นเหตุให้สัตว์โลกดำรงอยู่ในสภาพการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสาร ธรรมปรารถนาจากเครื่องปรุงแต่ง ได้แก่ นิพพาน หมายถึง พระพุทธองค์บริสุทธิ์สะอาด ปราศจากกิเลสโดยสิ้นเชิง ด้วยการบำเพ็ญสมาธิภาวนาจนบรรลวีชชา ๆ จากปลุกพุทธพจน์นี้ อาจสรุปได้ว่า วิชชา ๓ นับ เปรียบเสมือนเครื่องมือที่พระพุทธองค์ทรงใช้ในการค้นพบความจริง ต่าง ๆ ที่ถูกบังบังเป็นความลับไว้ในวัฏสงสารมากมายหลายเรื่อง เช่น อิสระ ๔ ภ ๓ โลภัต เป็นต้น