ข้อความต้นฉบับในหน้า
"พอเกิดความรู้สึกอย่างนั้น" จึงคิดว่าน่าจะเป็นวิจารณ์ของเราที่ดลใจให้เราคิด เลยรีบังสมาธิและภาวนาไปเรื่อย ๆ ตั้งใจคง "สมฌ อะระหัง" ๑ - ๕๐๐ ครั้ง สักพักก็เห็นดวงแก้วลอยขึ้นมาจากกลางท้อง แล้วรู้สึกเหมือนโดนดูดเข้าไปในดวงแก้ว แรก ๆ ก็ ติดใจ แต่ภิรคงสิทธิ์ไว้ พอถึงปลายทางรู้สึกเบาสบาย เหมือนลอย ๆ แล้วก็เกิดเป็นองค์พระองค์ใหญ่ ขนาดคูณอาดามได้ทั้งตัวปรากฏขึ้น วันนั้นถือเป็นครั้งแรกที่มีความสุขทั้งวัน
"สมฌ ทำให้จิตอาณาเป็นคนใจเย็น มีสติตลอดเวลา อาณาอบกิ ยามเสมอว่า การท่อง "สมฌ อะระหัง" นั้นดีอย่างไร และการมองพระมีดวงแก้ว ก็เหมือนกับมีดวงบุญอยู่กับเรา ตลอดเวลา"
การใช้ชีวิตประจำวันของเรามักจะเจอเรื่องราวมากมายไหลผ่านเข้ามาให้ฉุกคิด และการคิดทำให้เกิดอารมณ์ที่หลากหลายไม่อาจทำให้เรามั่นเดิมได้ ดังนั้นเราจำเป็นต้องหยุดคิดให้ได้ แต่การหยุดคิดนานๆ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสสอนว่า ให้มอง สติสัมปชัญญะ สติ คือความรัดกล้าได้ (ในขณะปัจจุบัน) สัมปัญญา คือ การรู้สึอยู่กับสิทธิระลึกได้ (ในขณะปัจจุบัน) นั่น แล้วสืบต่อให้นานขึ้น ดังนั้นการรอได้ทำหนดบริกรรมมิ และบริกรรมภาวนาว่า "สมฌ อะระหัง" ฯลฯ ควบคู่กันอย่างต่อเนื่องจะเป็นเครื่องช่วยประคองสติสัมปชัญญะของเราให้ไม่ผลออและมีอารมณ์เดียวได้รวดเร็วขึ้น
สรุปใจความสำคัญที่เราพึงต้องสำรวจตัวเองก็คือ ทุกครั้งที่เรานั่งสมาธิ เราได้ใจในรายละเอียดของการบริกรรมมิ and บริกรรมภาวนาให้ต่อเนื่องอย่างจริงจังแล้วหรือยัง ถ้ายัง.. ลองปฏิบัติอย่างจริงจังให้มากขึ้น แล้วจะได้เข้าถึงพระธรรมกายภายในพระอรหันต์ความปรารถนา..