ข้อความต้นฉบับในหน้า
ลำดับถัดมา เมื่อมีการกำลังมือทำด้วยกิริยา พูดอยู่ก็ดี หรือคิดอยู่ก็ดี ในระหว่างที่ทำไปแล้วในระดับหนึ่งนั้น อยาง่สนใจ ยิ่งงานนั้นเป็นงานใหญ่ งานดีๆ ยิ่งต้องติดตามดูให้ดีว่าทำถึงจุดนี้ จริง ๆ แล้วเย็นเมียนทำความเดือดร้อนให้ตนเองหรือคนอื่นบ้างหรือเปล่า หรือเมียนทั้งตัวเองและคนอื่นด้วย ถ้าพบต้องหยุดทำ ห้ามดันทุรัง ทั้ง ๆ ที่ทำไปครึ่งคางแล้ว ถ้าหากจะมีความเสียหายเกิดขึ้น ยอมเลิก ยอมหน้าแตก ดีกว่าก่อศัตรู
มีข้อพึงระวังคือ ทั้งที่พิจารณามาดีแล้ว คนเรายังอาจคิดผิดพลาดได้ ซึ่งมีความเป็นไปได้จาก 2 กรณี ๑) เราคิดไม่รอบคอบเอง เลยเกิดการสูญเสียจนได้ ๒) เราคิดรอบคอบแล้วแต่สถานการณ์เปลี่ยนไป เช่น เศรษฐกิจเปลี่ยน การเมืองเปลี่ยน หรือการคมนาคมติดขัด เป็นต้น เมือสถานการณ์เปลี่ยนอาจจะมีผลต่อการงานที่จะทำต่อไป อาจต้องคิดอีกครั้งให้ดี หากพบว่าได้ก่อนความเสียหาย สร้างความเดือดร้อนขึ้น อย่างนี้ก็ต้องทำต่อ ถึงแม้จะต้องเสียหายอะไรไปบ้าง ก็ต้องยอมตัดใจเลิกทำ แต่หากว่าเมื่อทบทวนดูแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องดี สมควรจะต้องทำ ไม่ได้เบียดเบียนใคร เพียงแต่มีอุปสรรคบ้างอย่างมาวางอยู่ อย่างนี้จึงต้องทำให้เสร็จให้ได้
สถานการณ์เหล่านี้ต้องวินิจฉัยให้ดี ถ้าความวินิจฉัยไม่ดี จะพลอยทำให้เกิดความเสียหายได้
ลำดับสุดท้าย เมื่อทำงานเสร็จแล้ว ก็ยังต้องมาประเมินอีกครั้ง นอกจากประเมินผลได้ผลเสียต่าง ๆ แล้ว ต้องประเมินถึงผลจากการกระทำ คำพูด ความคิดที่เสร็จแล้ว หากประเมินแล้วว่าทำลงไปในกระทั่งดำเนินมาจนจบแล้วนั้น กลายเป็นความเดือดร้อน ไม่ว่าจะทำให้ตนเองเดือดร้อน ทำให้อื่นเดือดร้อน หรือเดือดร้อนกันทั้งตนเองและคนอื่น ก็รวบไปขอโปรดเสียโดยเร็ว แม้จะขออนุญาตกันเมื่อยังต้องยอม ถ้าผิดแล้วต้องยอมรับผิด ไม่ดันทุรัง ถ้ามีดันทุรังทำความผิด ความเดือดร้อน ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานไหน ๆ ก็แตก องค์กรจะใหญ่เท่าไรก็ต้องแตก เมื่ประเทศชาติก็ต้องแตก องค์กรนั้น ๆ จะตั้งอยู่ไม่ได้
แต่ว่าเมื่อทำการเสร็จแล้ว ประเมินแล้วว่าไม่มีใครเดือดร้อน เราเองไม่เดือดร้อน ใคร ๆ ก็ไม่เดือดร้อนสักคนหนึ่ง ตรงข้ามกับงานที่ทำไปเป็นบุญคุณตนเองก็ประเมินแล้วมีดีขึ้นแล้วก็ให้ทานแล้วทวนอีก ปลื้มใจ ๆ แล้วจักรตกันให้ความดีต่อไปให้มาก ๆ ยิ่งปลื้มมากเท่าไร บุญก็จะขยายเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
การทำงานไม่ว่าผิดหรือถูก เมื่อเราทำเป็นทีม ผิดก็ผิดด้วยกัน ถูกก็ถูกด้วยกัน งานทุกงานถ้าลูกน้องทำผิดเมื่อไหร่ ผู้เป็นหัวหน้าก็ต้องลูกขึ้นรับผิดถูกลง เพราะต้องยอมรับว่าตนผิดตรงที่เลือกใช้คนผิด หากจะมีใครสักในทีมอ้างว่าทำไมตนต้องรับผิดด้วย เพราะตนเคยทักทวงไปก่อนแล้วว่าทำ แต่มีทีมยังฝืนทำ จะให้ตนอรับผิดด้วยอย่างไร เมื่อทำงานร่วมกันเป็นทีมเดียวกันแล้ว ก็ต้องรับผิด ผิดตรงที่อธิบายไม่เป็น พรอพักทีมงานจึงทำไปอย่างนั้น ถ้าจึงยอมได้ ทีมงานก็เชื่อ ก็เข้าใจ เมื่อไม่สามารถอธิบายได้สำเร็จ ก็อาจมีส่วนร่วมรับผิดได้ด้วยกัน ตัววิธีการคิดก่อนการทำงานด้วยความรอบคอบ ทั้งคิดก่อนทำ คิดก่อนพูด และคิดก่อนคิด จะก่อให้ทีมงานได้รับความร่วมสุขคี่งบาเคียงไหลดไปด้วยกัน ทีมนงานจะเดินหน้าต่อไปได้ หน่วยงานจะประสบความสำเร็จ การงานเจริญเติบโต และทุกคนในทีมจะทำงานอย่างมีความสุข..