ข้อความต้นฉบับในหน้า
ควรปฏิบัตินอย่างไรเวลาจะแสดงความรู้ความสามารถออกมา?
ควรสังเกตปฏิกิริยาคนอื่น ว่าเขาสีหน้าที่อย่างไรเราเราพูด พอจะดูออก นักกีฬาถ้ามีอฃ่ดีจริง ก็จงมั่นในสิ่งที่ตัวเองทำ เช่น นักวอลเลย์บอลที่กระโดดขึ้นไป หน้าเน็ตแล้วมองที่ลูกวอลเลย์ ว่าอะไร คือลูกให้ลงไปที่สนามฝั่งตรงข้ามให้ได้ นั่นคือนักกีฬาเท่านั้น แต่คนก็รักที่เก่งจริง เขาจะซ้ำลงดูลูกวอลเลย์ และซ้ำลงว่าว่าฝ่ายตรงข้ามยืนอยู่ตรงไหน แล้วต้องดูว่าฝ่ายมาสกัดอยู่ตรงไหน จะตะให้เข้าประตูได้อย่างไร
เราเองถ้าจะให้ดี ระหว่างที่แสดงความสามารถจะอะไรออกมา ต้องสังเกตปฏิกิริยาของคนอื่นด้วย อย่าเอาแต่ความถูกหรือความผิด ใครพูดอะไรไม่นานก็คิดดูก่อน เพราะถึงแม้เรากดก็จริง แต่คนกูก็หักหน้าเขาไม่ชอบ เพราะคนเรามีอารมณ์ทั้งนั้น โดยเฉพาะคนไทยเรามักว่ากว่า “มันไม่ใช่” ซึ่งคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่ตรงกับคำว่า “มันไม่ใช่” รึเขาไม่มี เพราะเขาไม่ค่อยรู้จักคำนี้ ต่างจากคนไทย เวลาชนคนลำบากเราก็จะสงสาร แต่พอเขาเกินหน้าเกินตาก็เหมือนกัน ไทยเราจึงมีคำพูดว่า “จงทำแต่ อย่าเด่นจะเป็นภัย ไม่มีใครอยากเห็นเราเด่นเกิน”
ดังนั้น ให้เราทำความดีไปเรื่อย ๆ ไม่ต้องอวดตัวเอง ให้ความดีของเราเต็มเปี่ยม สุดท้ายอะไรก็น่าไม่อยู่ เหมือนเวลาเอาไปบ้างพระอาคำติ อย่างไรก็ไม่อยู่ ความดีของเราพอดีจจจ เช่นเดียวพระอาคำติแล้ว ก็จะปล่อยเฉลำ ให้ทุกคนเห็นเอง บางคนบอกว่าไม่ใช่เรื่องอื่นไม่รู้ว่าเราเก่ง ที่จริงแล้ว ถ้าเอาไว้ จะต่อไป เดี๋ยวคนอื่นจะเห็นเอง บางเรื่องอาจจะช้าไปนิดหนึ่ง แต่ผลที่ออกมาย่อหนึ่นและไม่อ่่อนเสีย ถ้าเราเอาตัวออกมาให้คนอื่นเขารู้ บางทีแค่พูดเล่น ๆ ผลกระทบเกิดขึ้นแล้ว ดังนั้นต้องระมัดระวังตัวให้มาก
ต้องทำอย่างไรจึงจะดีสิ่งเหล่านี้ออกจากตัวเราได้มากที่สุด?
วิธีง่าย ๆ ก็คือ ถ้าเมื่อไหร่เราคิดว่า เราแน่ เราก้อง ให้ถามตัวเองก่อนว่่า “ตายไปวันนี้ พันนรกแล้วหรือยัง” ที่แน่ว่าเก่ง ใหลองก็ตัวเองว่า บุญกับบาปอย่างไงมากกว่ากัน มันใจไหมว่าตายแล้วไปสวรรค์แน่นอน ที่เก่ง ๆ แน ๆ ดี 5 ข้อ ครบหรือยัง ทำบาปทำกรรมไว้เท่าไหร่ ถ้าจะไม่มั่นใจ อย่าเพิ่งคิดว่าที่เก่ง อย่างไรเรา ก็ยังไม่หมดคลอส ละนั่นยังไม่จริง ยังแพ้กิเลสอยู่ อย่าหลงตัวเองมากไป เอาแต่ภูมิใจเพื่อเป็นภูมิคุ้มกันใจในการทำงานแค่ณั้นก็พอ อย่ให้ถึงขนาดไปอดใด ไปบ่มคนอื่น จนกระทั่งไปกระทบกับอีก (Ego) ของคนอื่น เดี๋ยวจะเสียมากมาย
มีตัวอย่างบุคคลในครั้งพุทธกาลที่มีความเก่งแล้วแสดงความเก่งออกมาบ้างไหม?
ตัวอย่างบุคคลในสมัยพุทธกาล เช่น พระเทวทัต เดิมเจ้าชายเทวดเป็นรฐายาทแห่งกรุงเทวทนะ สละตำแหน่งออกบวชด้วยความศรัทธาและตั้งใจมา บวชมาได้ ๒๓ ปี บำเพ็ญเพียรแล้วได้โล่ยนิยมสมบัติ คือ เหาะเห็นเดินอากาศได้ แปลกๆได้ เป็นผู้มีเมตตาในระดับหนึ่งที่เดียว แต่ด้วยความมีอีโลงูลง คลาดวามน่าเข้าน้ำในพระพุทธเจ้า ถ้าพระพุทธองค์ไม่อยู่ เขาก็ถาม