การหลีกเลี่ยงการเปรียบเทียบและแข่งดี วารสารอยู่ในบุญประจำเดือน มิถุนายน พ.ศ.2557 หน้า 98
หน้าที่ 98 / 132

สรุปเนื้อหา

บทความนี้พูดถึงเรื่องราวของพระเทวฑ์ และอุปสรรคที่ท่านพบเมื่อพยายามดึงดูดผู้คนมาศึกษาในสำนักของท่าน โดยแสดงให้เห็นถึงนิสัยที่ไม่ควรเลียนแบบ เช่น การไม่ควรแข่งดี และการตั้งเป้าเปรียบเทียบกับคนอื่น โดยเฉพาะเมื่อมีความภาคภูมิใจในตัวเองมากเกินไป ซึ่งอาจนำไปสู่การสร้างความเสียหายและความผิดหวัง เมื่อพระเทวฑ์มองว่าตัวเองไม่เป็นที่ยอมรับจากพระพุทธเจ้า แต่กลับไม่มองว่าคุณธรรมของตัวเองยังไม่พร้อม ทั้งนี้ ควรเรียนรู้ที่จะยอมรับว่าไม่มีใครดีที่สุดตลอดเวลา และแต่ละคนมีคุณค่าในตัวเอง

หัวข้อประเด็น

-พระอานนท์
-พระเทวฑ์
-การเปรียบเทียบตัวเอง
-ความภูมิใจในตัวเอง
-ผลเสียจากการแข่งดี
-การยอมรับความจริง

ข้อความต้นฉบับในหน้า

หาพระอานนท์บ้าง พระสารบุตรบ้าง พระโมคัลลานบ้าง ไม่มีใครถามหาพระเทวฑ์เลย แต่แทนที่ท่านจะมองตัวเองว่า อาจจะเป็นเพราะคุณธรรมของท่านยังไม่พร้อม กลับมองว่าเป็นเพราะพระพุทธเจ้าไม่สนับสนุน ท่านจึงดึงดีว่า ถ้าพระองค์ไม่สนับสนุน เรางสนับสนุนเองก็ได้ ท่านก็เลยไปเข้าหาผู้มีอำนาจ แต่อพวกเขา (พระเจ้าพิมพิลา) เป็นพระโลภนั่นแล้ว จะไปทูลอย่างไรก็ไม่มีเชื่อ มีแต่เจ้าชายจะด่าว่ากันชัดเจนจะรอดกันอยู่ พะอหลอกได้ ท่านจึงแปลงกายเป็นงูไปพันรอบคอ พอเจ้าชายตกใจถึงแผลงกายจากงูกลายเป็นพระภิกษุเหมือนเดิม เจ้าชายอยากดูรูปดูเห็นว่าพระปิ่นไม่ธรรมดา ก็เกิดรำคาญ ส่วนพระเทวฑต์ก็ขอ ๆ สอนจนสุดท้ายให้เจ้าชายรอดจากพ่อเพื่อถึงพระราชสมบัติ แล้วอวยอำนาจของเจ้าชายอยากศึกษา มาทำร้ายพระพุทธเจ้า แต่กว่าวิธีไม่ได้สำเร็จ จนพระทั้งพระเทวฑต์ต้องมีเอง คือจะลึงก้อนหินทับพระพุทธเจ้าให้ตาย สุดท้ายมายุให้สง่าแตกแยกกัน หวังจะปกครองคณะสงฆ์ พระเทวทัตเริ่มต้นตั้งดี ถึงยอดสะท้อนโลกมายบวชอยู่ตั้ง 32 ปี แล้วปฏิบัติจนกระทั่ง เหาะเหินเดินอากาศได้ แสดงกายได้ทั้งนี้ได้รับจากพระพุทธเจ้า แต่พออีกไม่นานก็เกิดขึ้น มีความต้องการความภาคภูมิใจในตัวเอง ต้องการให้แม่นมเป็นลูกศิษย์มาก ๆ แต่พอคนมาน้อยแทนที่จะมองว่าตัวเองบกพร่อง กลับมองว่าควรบอาจารย์ไม่สนสัสเสริม จากความต้องการจะออกตัวเอง เลยเกิดเป็นอาการแข็งดี แล้วจามาแข็งกับพระพุทธเจ้า เท่ากับเอาไฟเผาตัวเองจากความตั้งใจแท้ ๆ กลายเป็นสร้างความเสียหายอย่างมากมาย เพราะฉะนั้นจึงจำไว้ว่า อย่าแข่งดีกับใคร คืออย่าเอาตัวเองไปเทียบกับเขาแล้วพยายามให้เหนือกว่าคนอื่น ไปฟังใจเขาทำความดี เมื่อเห็นผลดีที่เกิดขึ้นเราก็มีความสุขใจแล้ว แต่เมื่อใดคิดจะไปเทียบกับคนอื่นว่า เราต้องแน่กว่าเขา หรือออยรับไม่ได้ ว่าเราสู้คนอื่นไม่ได้ ถ้างั้นจะเกิดผลเสียมาก สมมติว่ามีเรื่องอยู่ 10 เรื่อง อีกฝ่ายดีกว่าเรา 9 เรื่อง เรามีเด่นอยู่เรื่องหนึ่ง ถึงภูมิใจในจุดที่คนเด่น เรื่องอื่นที่เขาเหนื่อยกว่าเราไม่ต้องไปคิด ให้ดูอย่างเดียวว่าเรื่องนี้ดี ๆ แต่เราต้องพยายามรู้ทันทัศนเอง และยอมรับว่าร้ายยังไม่ได้ดีที่สุด บางเรื่องเราจากเก่ง อดี แต่นคนอื่นเขามีข้ออีกหลาย ๆ อย่าง เหมือนกับภูมิ 3 พี่น้อง ที่พระพุทธเจ้าไปโปรดและแสดงปฏิหาริย์ให้ดูหลายอย่าง เพราะเห็นว่าภูมิ 3 พี่น้อง สามารถบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ได้ ภิกษุรู้สึกว่ามุสมานี้ไม่ธรรมดา แต่ก็แก้ไขให้ปล่อยตรงจุดที่มีพม่านอค ตัดใจว่าจะให้พญานาคเล่นงานให้ตาย รุ่งเข้าไปดูว่าพญานาคผ่านพระพุทธเจ้ายังงั้น ปรากฏว่าพญานาคคลายเป็นตัวเล็ก ๆ อยู่ในบาตร ภูติผู้ที่ฮ้อว่า "สมณะรูปนี้เป็นอาบากไม่ธรรมดา แต่ก็ไม่ได้เป็นพระอรหันต์เท่าเรา" สะท้อนให้เห็นว่าใครคนที่ยังไม่มดด้านจะเป็นอย่างนั้น คือตัดว่าต้องเองเอง ตัวเองจะดีอย่าง ๆ ก็ตาม แต่เราแน่เองนี้ และภูมิใจในความแน่ของตัวเอง แม้บางครั้งเป็นความภูมิใจผิด ๆ กรณีของภูมิ 3 พี่น้อง สุดท้ายถึงจุดอิ่มตัว ความมั่นใจในตัวเองคงแคลงแต่มี่
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More