ข้อความต้นฉบับในหน้า
Here is the extracted text from the image:
ตั้งแต่เข้ามิด เราก็ล้วงบบอกทำวัตรนั่งถวายคุณครูไม่ใหญ่ กลางวันก็แบ่งเวลา
ทุกชั่วโมง ๑ นาที เพื่อหยุดใจถึงดวง นึกถึงองค์พระ หรือทำใจนิ่ง ๆ ว่าง ๆ ที่ศูนย์กลางกาย
ฐานที่ ๗ พอกกลาสีในเวลามาศึกษาธรรมะ มาดู DMC ฟังธรรมะจากคุณครูไม่ใหญ่ คุณครู
ไม่เล็ก หรือจากพระอาจารย์ พอเสร็จเรียบร้อยก็ต้องทำภาวนาตามเทปของคุณครูไม่ใหญ่ว
การที่พวกเราปฏิบัติกันอย่างนี้ได้กี่วันก็เป็นกลายเป็น สัจจะต่อนํ้าหน้าก็สร้างบารมีที่ดี
อย่างนี้เขาเรียกว่าสัจจะต่อหน้าที่ มีสัจจะต่อภารงาน
นอกจากนี้เรายังมีหน้าที่จะต้องรักษามานี้ให้ดี ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี เพราะจะต้องใช้กาย
นี้ไปสู่ภักดีเลอ ฯ มีภารงานต้องทำมาหาเลี้ยงชีพ บางเป็นผู้ผลิต บางทำธุรกิจ บางรับราชการ
บางทำงานเอกชน ต่างก็ทำเพื่อจะได้มีปัจจัย ๑ เอามาเลี้ยงตัวทั้งเรื่องกินเรื่องใช้
ยิ่งมีกครอบครัว ตื่นขึ้นมานิบ้านก็จะงานที่จะต้องทำในการดูแลพ่อแม่บ้าน พ่อนบ้านก็
หน้าที่การงานที่ต้องทำต่อแม่บ้านกัน
สัจจะต่อหน้าที่และการงาน ในเชิงปฏิบัติท่านใช้ว่าต้อง จริงจัง จจจะอีวมิสัจจะ ไม่ทำ
อะไรเป็นเล่น ไม่เป็นเล่นกันเล่น ๆ ไม่เลี้ยงลูกแบบเล่น ๆ อย่างกับเล่นตุ๊กตา มีหน้าที่
ต้องรับผิดชอบ ทำงานอะไรแล้ว ต้องเสร็จ ต้องทันเวลา และต้องดี
๓-๔. สัจจะต่อบุคคลและต่อจ าก
หน้าที่การงานทั้งมวลนี้เราต้องทำกับคนอื่น จึงต้องมีสัจจะต่อบุคคลเกี่ยวข้องด้วย และ
แน่นอนร่วมถึงสัจจะด้วย
สัจจะต่อหน้าที่ผูกพันถึงสัจจะต่อภารงาน เช่นเดียวกับที่สัจจะต่อบุคคลก็จะต้องมีสัจจะ
ต่อภารกิจด้วย
สัจจะต่อจากและสัจจะต่อบุคคล โบราณาจารย์ท่านสรุปว่านเป็นลักษณะของ ความจริงใจ
ก่อนจะพูดจอะไรก็ให้คิดแล้วคิดดี ถึงกับตกลงสัญญากับใครไว้แล้ว ห้ามเบี้ยว ห้ามมิด
ห้ามพลิ้ว ทำงานกับใครก็ถอนไปกันบ้าง เห็นใจกันบ้าง เป็นยาก็ไม่ทั้งกัน นี่ถือว่าเป็นลักษณะของ
ความจริงใจทั้งต่อตนบุคคล ทั้งต่อวจาวะและต่อภารกิจของเรา
วันใดขาดความจริงใจ ขณะนั้นนั่งปฏิบัติธรรมจึงจะอะไรผุดมาจาแบบเรา องค์พระทำท่า
จะชัด เรื่องบางอย่างก็ให้ลืมมาผลิใจ
เมื่อจริฺจริงต่อจากทุกคำพูด ต่อทุกคนที่เราคบค้าสมาคม สิ่งนั้นจะเป็นเหตุให้เราทำใจหยุดทำใจนิ่ง หรือปฏิบัติธรรมต่อไปได้ ๖ ได้ครบบริบูรณ์เร็ว