ข้อความต้นฉบับในหน้า
จากทัศนะนึงดังกล่าว อธิบายว่า “ขันธ์” เป็นสิ่งตั้งแห่งการเข้าสู่ ยึดมั่นถือมั่น เป็นที่ตั้งอยู่แห่งความอยาก ความพึงพอใจในขันธ์ ทั้ง 5 การดำเนินไปจนสิ้นสุดสภาพความมีชีวิตในช่วงหนึ่งๆ เรียกว่า การสิ้น ชีวิต หรือลาการทำลากิริยา เพราะความแตกไปแห่งขันธ์ จากนั้นชีวิต ก็บิรอภิก็ในรูปของสันติด้วยอำนาจกิเลส กรรม วิบาก จะไปเกิดที่ไหน เป็นอะไร ชีวิตจะสิ้นสุดก็เมื่อไม่มีเลส กรรม วิบาก สัมผัสต่ออีก พระพรหมคุุณาภรณ์ (ป.อยุตโต) (ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง สมณศักดิ์ที่สมัคดิ’พระพุทธโมฬาจารย์) ได้ให้คำเนียวยั้นทีได้ในหนังสือพุทธธรรม ฉบับขยายความ ดังนี้ 1. รูป (Corporeality) ได้แก่ ส่วนประกอบฝ่ายรูปธรรมทั้งหมด ร่างกาย และพฤติกรรมทั้งหมดของร่างกาย หรือสรรและพลังงาน ฝ่ายวัตถุ พร้อมทั้งคุณสมบัติและพฤติการณ์ต่างๆ ของสารพลังงานเหล่านั้น 2. เวทนา (Feeling หรือ Sensation) ได้แก่ ความรู้สึกสุข ทุกข์ หรือเฉยๆ ซึ่งเกิดจากสัมผัสทางประสาททั้ง 5 และทางใจ 3. สัญญา (Perception) ได้แก่ ความกำหนดได้ หรือหมายรู้ คือ กำหนดอารมณ์เครื่องหมายลักษณะต่างๆ อันเป็นเหตุให้จามณ์ (object) นั้้นๆ ได้ 4. สังขาร (Mental Formations หรือ Volitional Activities) ได้แก่ องค์ประกอบหรือคุณสมบัติทั่วไป ของจิต มีเจตนาเป็นตัวนำ ซึ่งแต่งจิตให้ดีหรือชั่วหรือเป็นกลางๆ ปรุงปรากฏวิริยนันท์คิดในใจ และการแสดงออกทางกายวาจาให้เป็นไปต่างๆ เป็นของกรรม เรียกรวมว่า เครื่องปรุงของจิต เครื่องปรุงของความคิด หรือเครื่องปรุงของกรรม 5. วิญญาณ (Consciousness) ได้แก่ ความรู้แจ้งอารมณ์