ข้อความต้นฉบับในหน้า
กลายเป็นคนที่เห็นแก่ตัวไม่สร้างบ้าง หรือกลายเป็นมนุษย์เทกระเกะเกะเหมือนสัตว์ ซึ่งเรียกว่า "มนุษย์ Diraja" บ้าง หรือกลายเป็นคนที่รายกจากกันหยิ่งกว่าสัตว์แต่เหมือนสัตว์นร ซึ่งเรียกว่า "มนุษย์มีโก" บ้าง
จะเห็นความบริสุทธิ์ของจิตใจในตัวคนหรือจิตใจดีในตัวเอง ก็จะเป็นเครื่องบ่งบอกควบคุม ให้สั่งชีวิตนั้น หรือคนอื่นมีจิตใจสูงกว่า ถึงคนคุุณธรรมสูง ถึงคนในตัวบริสุทธิ์ไม่พอมีมากพอคล้ายสัตว์ คล้ายเปรอะปายอย่างนั้น
ตามทัศนะในศาสนานี้ที่บอกว่า พระเจ้าจงสร้างโลก หรือพระพธุมสร้างโลก หรือยิ่งกว่าพระเจงสร้างโลก พร้อมทั้งสร้างคนด้วย ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เหตุใดจึงไม่สร้างคนให้เหมือนกัน ทำไมบางคนจึงอ่อนแอ โง บางคนผอมเหมือนไม่ซิที บางคนผิดคด ขนาดกว่าปัจจุบันยังจริงๆ บางคนก็อ้วน หมาไม่เคอได้ แถมยังว่านั่งมีหลายขนาดดี บางคนก็ดีแสนดี บางคนก็เลว บางคนก็เห็นแก่ตน บางคนนิรามิวหนำเต็มซิวพอใจรวยผลสุดสวย ลำงาม บางคนไม่เพียงแต่รำคาญเท่านั้น แถมยังกล้ากลัวการอีกด้วย กะพระเจ้าพระพุทธหรือพระอัลลอหลังคนเป็นจริง เหตุใดจึงไม่ลำบากแบกัน ถ้าร่างเหมือนกันหมด โลกนี้ผมบวนี้จงอย่าพยายามที่จึงนี้ยอม เหตุใดจึงต้องสร้างให้เหมือนกัน ทำไมคนคงทุกคนโลก มีโครงยามเริ่มแต่งแต่แต่มคนก็ร้อนในกลในทอง ห้อบวอด ด้วยบริวารามายกแค่ความสะดวกสบาย นานาประกาศ เหตุใดพระผู้ปูเชานั้นจึงยุ่งวัตถุลเสียเท่านั้น ?
อะไรทำให้คนเป็นทุกข์หรือสุข
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่เคยตรัสเรื่องใครสร้างโลก แต่ตรวยของโลกและสรรพสิ่งทั้งหมดประกอบด้วยอุปกรณ์ 4 หรือ 6 ดังกล่าวแล้วแต่และได้ขยายความในของตนเองว่า ถากดูจูงใครรู้อยากมีสุขภาพกว่าของดูจูงใครรู้อยากมีความสุขน้อยแต่ทุกข์มาก ถากดูจูงใครนานกลาง มีทั้งสุขทั้งทุกข์ กันพอประมาณ
ทั้งได้ร้องแนะไว้ก้าว คนจะต้องปล้นชิงของตนเองให้มีสุขี ยิ่ง งั้นไปตามลำดับ เพื่อจะได้ความสุขยิ่งๆ ขึ้นถ้าผามากด้นแล้วจะได้สุขทีมดด จนกระทั่งเผลอจะไม่ติด ก็คงจะสิ่งความสุดพ้นคือเขามีวิปพานนันเอง ซึ่งเป็นสุขอย่าง ดังพุทพจน์ว่า "นิพพาน ประะมัง สุขัง"
ชีวิตวิทยาในพระพุทธศาสนา
พระพุทธศาสนาไม่เคยสอนให้จงจับผิดผู้อื่น แต่ให้ดูเองแล้ไปปรับปรุงให้ดีขึ้น การศึกษาเรื่องของตัวเองนั้นสามารถมองได้ในเมื่อวิญญาณและเคมีวิทยา ถ้าฉันเฉพาะเรื่องของฉัตดาง ๆ