ข้อความต้นฉบับในหน้า
ก็คือเป็นในแต่ละวิทยา ถ้าพิจารณาดู รวมทั้งจะเป็นเรื่องของวิวาท ชีววิทยาในพระพุทธศาสนานั้นเป็นศาสตร์ที่เล็ก ยากนักที่จะชีววิทยาในยุคปัจจุบัน คนหนึ่งจะสามารถเข้าใจได้ง่าย ๆ เพราะพื้นฐานทางใจของเขาไม่น้อยรายละเอียดพอ
ชีววิทยาที่จะกล่าวต่อไปนี้ ยังมีนิตวิทยาศาสตร์ดนตรีในโลกคงพบ มีแต่พระสมมาสพุทธเจ้าเท่านั้นที่ทรงคนพบ นอกจากนี้ยังเป็นนักวิทยาศาสตร์ดนตรีในโลก คงเผยแผ่แล้วบางคนก็ยังตามไม่ทันอีกด้วยยกไป
ชาวพุทธทั้งหลายมีความจำเป็นที่จะต้องศึกษาชีววิทยาในพระพุทธศาสนาเพื่อจะได้เข้าใจตัวเราเองให้ถูกต้องตรง ไม่เข้าใจไม่เข้าใจเอง ก็อาจจะลงรุ้รู้ธรรมะที่จะที่สุดได้
**ท่านรู้จักเบื้องจันท์หรือยัง**
เบื้องจันท์ก็ประกอบที่ทำให้เด็กในชีวิตของคุณและสัตว์ แต่ในที่นี้จะกล่าวเพราะของคนเรา แบ่งออกได้เป็น 2 ส่วนใหญ่ ๆ คือ (1) กาย (2) ใจ
(1) กาย ได้แก่การกายของคนเรา ภาษาธรรมเรียกว่า "รูป" ประกอบด้วยธาตุ 5 ซึ่งได้แก่ดิน น้ำ ลม ไฟ ถ้าผสมและถาธูปอากาศ คือประกอบด้วยของหยาบ ๆ อย่างไรก็ดี คำว่า "รูป" ในพระพุทธศาสนากว้างกว่าที่เราเข้าใจในฮิวทวิทยาศาสตร์มากนัก
ในเชิงพระพุทธศาสนา คำว่า "รูป" หรือคำว่าดูดจับกันอันที่เห็นแจ้งมาเป็นองค์เป็นอันในตัวตนแต่ความที่มาจากดวงจิตคือตัวเป็นรูป ความร้อนหรือไออุ่นจากดวงตา ซึ่งได้มามองเห็นดวงตาปลา แต่มองเห็นได้ต่อย เทอร์มินเตอร์ สิ่งนี้แทนที่จะเรียกพลังงาน ในพระพุทธศาสนาก็อกว่ามันเป็นรูป แม้เป็นกับมҳใจเขาออกก็อาจว่าเป็นรูป
(2) ใจ ภายธรรมเรียกว่า "นาม" พระสมมาสพุทธเจ้าทรงแบ่งใจของเรา ในลักษณะการทำงานที่ต่อนงเป็นรูปได้ใน 4 ส่วนประกอบคือ
จังหวัด 1 ใจเท่านี้ "เห็น"
กว่าจะงานใจ ขั้นแรกใจจะทำงานด้วยความสัมพันธ์ทั้ง 5 ของอายตนะในบั้น เมื่อใจของเราอายมิติที่มาระงับมา หมายความว่า ถ้ามีภาพหรือรูปหรือสิ่งมาผากระทบ ประมาณก็รายงานไปให้ใจ ใจรับภาพนั้นไว้ เราเรียกว่า "เห็น"