ข้อความต้นฉบับในหน้า
ด้วยฤดู ๖ คือ ฤดูดิน ฤดูน้ำ ฤดูไฟ ฤดูลม ฤดูอากาศ ซึ่งเป็นแม่ฤดูๆ กับวิญญาณฤดู ซึ่งเป็นตัวรุในตัวคนและสัตว์
โดยยักษัลกันอาจกล่าวได้ว่า ถ้าฤดูทั้ง ๕ คือ ฤดูดิน ฤดูน้ำ ฤดูไฟ ฤดูลม ฤดูอากาศ ผสมกันถูกส่วนตามธรรมชาติเมื่อไร จะเกิดโลกันมาร รวมปรัชพลังมีชีวิตหลากด้วย และฤดูทั้ง ๕ ที่สมกันถูกส่วนเมื่อไร เมื่อมีวิญญาณฤดูหรือฤดูเข้าไปรวมอยู่ด้วย จะทำให้ลงเหล่านี้มีชีวิตขึ้นมาเป็นคนหรือสัตว์เคลื่อนไวได้ ลูกนี้ยืนเดิน นอน คิด หรือ พูดได้ ซึ่งเราจะเห็นกันอยู่
องค์ประกอบของคนต่างกับสัตว์อย่างไร
เมื่อทั้งคนและสัตว์ประกอบด้วย ๖ เหมือนกันแล้ว ทำไมคนกับสัตว์จึงต่างกัน สาเหตุสำคัญคือ ความบริสุทธิ์ของฤดูไม่เหมือนกัน โดยทั่วไปปรากฏในตัวจะมีความบริสุทธิ์มากกว่าในตัวสัตว์ และในตัวคนแต่ละคนความบริสุทธิ์ของฤดูจะต่างกันด้วย คนไหนต่ำในตัวความบริสุทธิ์มาก ก็จะเป็นคนชนิดหนึ่งสูงคือปวงหน้าตามส่วนไม่ผิดกาว พวกวรรณะใจ ใจใกล้กับมง สติปัญญาก็ยิบแยกแหลม ถ้ามีความบริสุทธิ์ปานกลาง ก็จะอยู่ในประเภทคนชนกลาง คอญร่างหน้าตาก็พอได้ ผิวพรรณก็ไม่ถึงกับราม ใจใกล้ไม่กังวลกับราม จิตใจไม่่งดงามก็จะอยู่ในประเภทคนชนปลวก หน้าตา ผิวพรรณ จิตใจ สติปัญญาก็ลดคุณภาพลงไปตามลำดับ จนกระทั่งอาจกลายเป็นคนคริกา บีบ๊า ปัญญาอ่อน
สำหรับชีวิตที่ฤดูถูกปรกมากเกินกว่าจะเป็นคนได้ เพราะแรงบาปที่ขามามาถึงชาติมาเอง ก็จะทำให้มีรูปพรรณทีเกิดขึ้นหมดตามภาคเป็นคน กลายเป็นสัตว์เดรัจฉานพืชต่างๆ ในโลกันเพราะฉะนั้นน่าจะประกอบชีวิตทั้งหลายโดยความเป็นฤดูเดิม สติเดี๋ยวจะคนที่อาจในตัวลาปรอกอย่างหนัก จนกระทั่งในตัวไม่สามารถทรงรูปฐานเป็นได้ ดองวิบากลายเป็นสัตว์ไป หรืออาจจะอวดในแบบปากราม สัตว์ที่คนที่ถูกเครื่องจองจำฉันธนาการ อันเกิดจากแรงบาปหมูหยุดของจิตดวงชีวิต และเนื่องจากเครื่องพันธนาการเหล่านั้นรูปปรากฏต่างๆ นั้น จึงทำให้เกิดเป็นสัตว์อันดับๆ ทั่วโลก
อะไรทำให้คนจิตใจสูงหรือต่ำ
เมื่อเกิดมาแล้ว ผู้ที่พยายามกลั่นใจในตัวเองให้สะอาดบริสุทธิ์เป็นไป ได้มากเท่าไร จิตใจก็จะพัฒนาให้สูงขึ้นไปตามลำดับจากคนธรรมดา กลายเป็นคนเหมือนเทวดา เรียกว่า “มนุษสภาวะ” หรือถ้ามีความบริสุทธิ์ยิ่งกว่าเทวดาก็กลายเป็นมนุษย์ที่เหมือนพระพรม จะเรียกว่า “มนุษพพรหม” ก็ได้ ในทางกันต์คนไหนปล่อยปล่อยละเลยให้ถูกรบกวนในตัวสัตวา คือ มีความบริสุทธิ์ลดน้อยลงจึงจะเป็นคน แต่ถ้าสัยใดค่อดำรงตามจากคนที่สนพน คือ “มนุษสมุโลส”