มุทิตาและการอนุโมทนาในพุทธศาสนา วารสารอยู่ในบุญประจำเดือน สิงหาคม พ.ศ.2556 หน้า 4
หน้าที่ 4 / 119

สรุปเนื้อหา

เนื้อหานี้กล่าวถึงแนวคิดเกี่ยวกับความสุขที่เกิดจากการมุทิตาจิตและการอนุโมทนา ซึ่งคือการแสดงความยินดีในความดีของผู้อื่นและส่งเสริมความสุขอย่างแท้จริง คำว่า 'มุทิตา' แตกต่างจาก 'อิจฉา' ซึ่งถอยไปในด้านลบ ทำให้คนไม่สามารถมีความสุขอย่างแท้จริง การอนุโมทนาไม่เพียงแต่เป็นการแสดงความยินดี แต่ยังสามารถสร้างบุญกุศลได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องใช้เงินหรือทรัพย์สิน เมื่อทำให้เต็มใจในการทำดี และยิ่งสำนึกในสิ่งดีรอบตัว อาทิ การไปแสดงความยินดีต่อคนที่ประสบความสำเร็จ ตลอดจนตัวอย่างในสมัยพุทธกาลเกี่ยวกับมหาอุปัสิกรณ์รรถที่ได้สร้างวิหารถวายพระพุทธองค์นั้น ยังบอกถึงการร่วมอนุโมทนาในบุญของกันและกัน สิ่งที่เราทำอย่างมีมุทิตาก็จะนำไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองในชีวิตของเรา

หัวข้อประเด็น

-มุทิตา
-อนุโมทนา
-ความสุขในพุทธศาสนา
-การแสดงความยินดี
-การทำบุญร่วมกัน

ข้อความต้นฉบับในหน้า

บัญญัติของความสุข มีเกิ​ลเป็นความสุข มีผลเป็นความสุขมั่นใจ เจ็บเป็นใจ ไม่เหมือนเนื้อร้อนใจ มีแต่ความสุขกายสบายใจในทุกๆ ทุกแห่ง บัตถานุโมทนามัย หมายถึง บุญกิริยาเกิดจาก การอนุโมทนา คือ พลอยยินดีในความดีที่คนอื่นทำ คำว่า "มุทิตา" ตรงกันข้ามกับคำว่า "อิจฉา" ความอิจฉาเป็นอุปสรรคอย่างหนึ่ง เป็น ลักษณะของคนใจแคบ ไม่อยากให้คนอื่นได้ดีว่าหรือเก่งกว่าตน และถ้าเห็นเขาได้ดีจะเกิดความเดือดร้อนใจอิจฉา การจะให้โลกีย์สุดไปได้ต้องฝึกเป็นคนมีมุทิตาจิต ในทางโลก ถ้าญาติมิตรของเรา ประสบความสำเร็จในการศึกษา หรือหน้าที่ การงาน หรือได้ตำแหน่ง เราก็ควรหาโอกาสไปแสดงความยินดีด้วยความจริงใจ ในทางธรรม ถ้าใครทำบุญฤทธิให้คนอื่นก็เป็นบุญกุศลที่ ไม่ควรละเลย เป็นบุญกิริยาที่ได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องเสียเวลา เงินตรา หรือทุนทรัพย์ก็สามารถทำได้ เพียงแค่ทำให้เต็มใจในบุญที่ตนเองทำเท่านั้น และ เข้าไปลงว่ายถอดคำฉันท์ว่า "สาร สาต ขอนโมทนา บุญด้วยครับ คุณโมทนาบุญด้วยค่ะ" เมื่ออีกฝ่ายกล่าวว่า "สาธุ" ก็เท่ากับว่า ปิตยานุโมทนามัยได้สำเร็จด้วยแล้ว ดังเรื่องในสมัยพุทธกาล มหาอุปัสิกรณ์รรถได้สร้างวิหารถวายสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธ-เจ้าขึ้นเป็นประมุข ท่านได้สละเครื่องประดับมีราคาถึง ๙ โกฏิ สร้างปราสาทหลังใหญ่ให้เป็นที่ประทับของพระพุทธองค์ และเป็นที่อยู่ของภิกษุสงฆ์ถึง ๑,๐๐๐ ห้อง คือ ชั้นล่าง ๔ ห้อง ชั้นบน ๕๐๐ ห้อง พระมหาโมคคัลลานะเป็นผู้ควบคุมการก่อสร้าง ใช้เวลา ๙ เดือนจึงเสร็จ จากนั้นมีการลองวิหารโดยใช้นั่งถึง ๙ โกฏิ มหาอุปัสิกรณ์รภา พร้อมด้วยเพื่อนหญิงประมาณ ๕๐๐ คน พากันขึ้นไปชมปราสาท ได้เห็นสิริสมบัติของปราสาทนั้น เกิดความเปลื้อนในหวานานุวาสมีของตน จึงพูดกับเพื่อนหญิงว่า "พวกเธองอนุโมทนาบุญนี้ได้" มนวลวายำ่าเล่า ฉันขอให้พวกเธอมีส่วนในบุญนี้กันได้ไหวแล้ว" เพื่อนหญิงทั้งหมดต่างจะแสดงใส่ พากันอนุโมทนาว่า "สาธุ สาธุ ดีแล้ว" ในบรรดาเพื่อนหญิงทั้งหมดของเธอ มีน
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More