ข้อความต้นฉบับในหน้า
ณ วัดโมลีฯตราม วัดนี้มีพระภิกษุอยู่รวมกันมาก ยอมเลิก มีพระรูปหนึ่งกราบทูลว่า ขพระองค์ครงต่อมาพระภิกษุแบ่งเป็น ๒ กลุ่มใหญ่ คือ กลุ่มพระ เป็นผู้ชนวนเวลาน้อย พูดง่ายว่า ข้อให้พระองค์ปลิด วีน้าย ครึ่งพระที่เชิญชวนพระวัดอื่นกลุ่มเป็น ตัวไปบ่อยๆสมัยเผา เดิน ข้ามพระองค์ทั้งหลายนอยอยากพระธรรมกิ๊ก ที่เชิญชวนเรื่องการสนทนาจะทะเลาะกัน เป็นถึงขนาดนั้น พวกเรา จำได้ไหม? มีพระพุทธปู่บางส่วน เป็นบางที่พระองค์ครง พระอาจารย์ไปเข้าห้องน้ำ ออกนานไม่ได้ว่ากัน จนพระอายุในป่าโลเก สิ่งอยู่บ้าง อยู่บ้าง คือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านเพิ่มบัญญัติพระวัดนั้นเพิ่มว่าด้านในห้องน้ำเสร็จเรียบร้อยต้องว่ากัน เพราะ ถ้าเกิดหยากขึ้นเอาไว้ บางทีนี้จะอยู่จะมุงมาไปบ้าง มูล่าน้อยในนั้นบ้าง พอใครมาทีหลังราดน้ำลง ไปก็จะมูล่าน้ำไปตาย เพราะจะนั่นพระติ้นน้ำเสร็จ ต้องว่ากัน บัญญัตินี้เพียงเกิดขึ้น พระธรรมกิ๊กยังไม่ทราบ ออกมาจากห้องน้ำไม่ได้ว่ากัน พระวินัยธรเข้าไปหลังเท่านั้น พอครูวาเมืองเห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหายไป ก็ปลอบถามพระอานนท์จึงรู้ว่าพระองค์ครงปลิดตัว ไป เพราะพระ ๒ กลุ่มนี้ละกันไม่อ ยอม เลยบอกว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้ากลับมา จะยังไม่ปลดตร พระองค์ครงให้โยม แล้วให้ฉัน คำวางที่เรื่องเล็กๆ แต่ถ้านั้นแล้วว่าขั้นหรือไม่ คำว่านี้ก็ทำให้พระทะเลาะกันแตกเป็น ๒ ฝ่าย ทั้ง เมือง อย่างที่เขาบอกว่ามึงหยุดเดียว แต่นี่ไม่ใช่ น้ำผึ้งด้วย เป็นเรื่องน้ำหยุดเดียว ยังทะเลาะกันได้ ขนาดนี้ แล้วพอทะเลาะกันก็เกิดดิฉัน ต่างฝ่ายต่างอยากเอาอะไร ขาดพระองค์ครงให้โยมในเรื่องนี้ ก็สัมพึยงจาก คนพาลคือ คนที่หลงผิด เข้าใจผิด มีเสียงตัวเองเหมือนกันหมด เวลา คนทะเลาะกันและว่า คนอื่นไม่ลด เลยต้องมากระแทกกัน ต้องมาโจมตีดีๆ ไม่ดูลจริงๆ