ข้อความต้นฉบับในหน้า
๓๘
เรื่องจากพระไตรปิฎก
เรื่อง : มาตา
พระมหากัจจายะนะ
๑ การเหยียดผิว (Racism) เป็นสิ่งที่เคียงคู่กับประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ
ตลอดมา แม้ในพระไตรปิฎกก็มีหลักฐานว่า มนุษย์มีการแบ่งแยกชนชั้นวรรณามาตั้งแต่ ยุคต้นกับ โดยมีจุดเริ่มต้นจากมนุษย์ที่มีผิวพรรณามเหี่ยวยามมนุษย์ที่มีผิวพรรณทราม
การเหยียดผิวและการแบ่งแยกชนชั้นวรรณามเป็นสาเหตุแห่งความรุนแรงและก่อเกิดความทุกข์
ทรมานแก่เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ตั้งแต่ระดับเล็กน้อย ปานกลาง ไปจนกระทั่งหนักหนาสาหัส ดังเช่น ศาสนาภาพของประชาชนที่มีผิวพรรณคล้ำ (ขนเผลิลักษณะ) ที่อยู่ในวรรณะสุดของอินเดีย และชนผิวสี
ในประวัติศาสตร์ของประเทศรามักมีคำกล่าวลาอันเดียว และแทนผิวสีในประวัติศาสตร์ของประเทศรามักมีคำกล่าวลาอันเดียว และแทนผิวสีในประวัติศาสตร์ของประเทศรามักมีคำกล่าวลาอันเดียว และแทนผิวสีในประวัติศาสตร์ของประเทศรามักมีคำกล่าวลาอันเดียว และแทนผิวสี ในประวัติศาสตร์ของประเทศรามักมีคำกล่าวลาอันเดียว และแทนผิวสีในประวัติศาสตร์ของประเทศรามักมีคำกล่าวลาอันเดียว และแทนผิวสี
2 เมื่อบิดาถึงแก่กรรม หนุ่มน้อยกาญจนจะได้รับตำแหน่งปุโรหิตแทนบิดา และผู้คนพากันเรียกขานในตระกูลพาหมณ์ว่า “ปุโรหิตกัจจายนะ” ตามนามของตระกูล แกว่าวันดี บิดาของท่านคือ ปรัชิตมิติวัจฉะ พาหมณ์ มาจากคือ นางจันทนปุถุพาหมณ์นี่ แห่งตระกูลกัจจาญะ
พระมหากัจจายะนะเกิดมาพร้อมกับ ลักษณะที่โดดเด่น คือ มีพรหมคุณผ่องแผ้วเหมือนทองคำ บิดามารดาของซึ่งเรียกให้ท่านว่า “กาญจน” ซึ่งแปลว่า “ทอง”
เมื่อเติบโตขึ้น หนุ่มน้อยกาญจนจะได้ศึกษาไตรปิฎก ซึ่งเป็นวิชาความรู้ของพรมัน ตามธรรมเนียมพรหมในจนบการศึกษา ต่อมา
วันหนึ่ง เมื่อพระเจ้าจุฬาโพธิ์ กษัตริย์แห่งกรุงอุรุธทวีป ทรงทราบว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขึ้นเกิดขึ้นแล้ว ทรงอยากให้พระธรรมเทนทา จึงทรงแต่งตั้งให้ปุโรหิตกัจจายนะไปบรรลุอาสนธรรมพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้สำเร็จไปยังกรุงอุโฆษณุอุเทน ปุโรหิตกัจจายนะรับราชโองการแล้วเดินทางไปเฝ้าพระบรมศาสดาพร้อมด้วยผู้ติดตามอีก ๗ คน