การแก้ปัญหาด้วยความเมตตา วารสารอยู่ในบุญประจำเดือน สิงหาคม พ.ศ.2556 หน้า 80
หน้าที่ 80 / 119

สรุปเนื้อหา

ในบทความนี้กล่าวถึงการแก้ปัญหาด้วยการมีเมตตาและเข้าใจซึ่งกันและกันเพื่อให้เกิดความสงบ ในสถานการณ์ที่มีความขัดแย้ง เช่น การชุมนุม การทะเลาะกันทั้งในระดับส่วนตัวและสังคม จำเป็นต้องมีการสื่อสารที่อ่อนน้อมและความเข้าใจให้เกิดขึ้น หากปัญหาทั้งหมดแก้ไขได้ด้วยการเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่าย การใช้หลักการของศีล 5 ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัส เป็นแนวทางในการวิเคราะห์ถึงความผิดและการกลับตัวในการกระทำที่ไม่ดี บทความสะท้อนถึงประสบการณ์ส่วนตัวที่ผู้เขียนใช้วิธีสงบจิตใจในการจัดการกับความโกรธอย่างสร้างสรรค์ ไม่ให้เกิดความขัดแย้งที่รุนแรง

หัวข้อประเด็น

-การแก้ปัญหา
-ความเมตตา
-ศีล 5
-การทะเลาะกัน
-การเข้าใจ

ข้อความต้นฉบับในหน้า

เดินตามนั้น ขณะเดียวกันให้เอื้อเพื่อสิ่งกันและกัน แม่เรา เราจะแก้ปัญหาอย่างไร คิดอย่างงั้นแล้วเมดตา เมื่อทุกคนมีทางออก เขาจะออกตามช่องที่ควรจะ เราจะพบทางออกว่าทำอย่างไร และถ้ากระบิด เหมือนนํ้าดิบถ้าปรุงก็เป็นวันพรุ่งออกมา ถ้าปรุงไม่ให้บ่พุ่งออกมาเลย สุดท้ายจะระเบิด ฝ่ายคิดอย่างนี้เหมือนกัน ปัญหาเจอเลย ทุกอย่างแก้ได้หมด สบายใจกว่ามาก เพราะระหว่างทะเลาะกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่มีใครมีความสุขรอก ผู้ชนะย่อมได้เปรียบ ผู้แพ้ก็คร่าโศกเสียใจ และจะมีเรื่องมีราวความมักอาเจอะ ทั้งชาติชิติจิตหน้า ไมคุ้มจริง ๆ ตำรวจหรือทหารที่ได้รับคำสั่งให้ปลาดดั้นในการชุมนุม สิ่งอาจจะเลยเกิดไปถึงกายกันจนเสียชีวิต จะบาปไหม? ทุกอย่างต้องถือดามหลักการ ตามหลักธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไวจงง่าย ๆ คือ ศีล ๕ ถ้าผ่านเมื่อใดก็คือผิดศีล ถ้าผ่านคนเมื่อไหร่คือผิดศีล ยามสึกผิดศีลร้ายกาม ยิ่งทำขนาดถึงตาย ยิ่งผิดใหญ่ ถ้าดนกบานหนัก ถ้าไม่เจตนา เป็นความประมาณพลังผล อันนี้ยังมีวิบากรรมเหมือนกัน แต่เบาบางลง ดังนั้นกผ่ายที่เกี่ยวข้องควรมิสติ แล้วพยายามแก้ปัญหาด้วยความละมุนละม่อม โอนอ่อนผ่อนปรนเข้าหากัน ดิ้นเพื่อกัน มีเมตตา กันอ่อนผ่อนปรนเข้าใกล้เรา ความโกรธจะคลาย แล้วจะดีขึ้น เคยเจอเหตุการณ์มาแล้ว คือปกติเป็นคนไม่ค่อยโกรธอะไรมา แต่บางทีมีเหี้ยรอกันที่เพื่อนทำไม่เข้าท่า สมัยเรียนแพทย์เพื่อนใจไร้ราคาคุณ แล้วเรื่องราวมันเสียดาย ตอนนั้นรู้สึกหงุดหงิดมาก พอเจออย่างนี้นึง แล้วกลับไปที่พัก ปิดประตู้ห้องเสร็จสอดมนต์ตักวาดทีวาดเลย ลวตบไป ๑ รอบ ตรวจสอบใจตัวเอง ความโกรธหยายไปประมาณ ๗๐-๘๐ เปอร์เซ็นต์ ยังไม่หมด ลวตใหม่ พอรบ ๒ ทายไป ๙๐ เปอร์เซ็นต์ ยังไม่หมดหรอก แต่โดนแล้วปรากฎว่าเพื่อนมาเคาะประตูห้อง ก็เลยชวนไปทานข้าวด้วยกัน และไม่พูดถึงเรื่องนั้นอีกเลย เราใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงเคลียร์ปัญหาออกจากใจไป ๙๐ เปอร์เซ็นต์ แล้วก็จบแล้ว เรียกว่าบิ๊กข้าวด้วยกันก็รงอารอาหารได้ แล้วก็จบจากเรื่องนั้น แต่สิ่งที่มาคือเขาเกรงใจเรา โดยที่เราไม่ต้องไปบอกว่าเขาผิด ถ้าเรา พูดแต่เขาแก้ตัว เดี๋ยวทะเลาะกัน พอเราไม่พูดอะไรก็ เขากลางใจถึงจริงก็ได้ แล้วไม่ทำอย่างนี้อีกเลย ทุกอย่างดีขึ้น เป็นการแก้ปัญหาด้วยความไม่โกรธ เอาหลักพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาใช้เป็นวิธีดีที่สุด...
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More