ข้อความต้นฉบับในหน้า
ยกตัวอย่างเช่น เสื้อผ้า พระพุทธองค์ทรงมีพระวินัยบังคับ ทรงให้มุ่งสงบ ขอบผ้าด้านบนให้ปิดเหนอะซะดี ขอบผ้าด้านล่างให้ขางปิดครึ่งหน้าแจ้ง เพื่อเป็นการบังคับให้รู้จักระมัดระวังตัว ทั้งในเท้ายืน ท่าเดิน ท่ากัน นั่ง ถ้ามีวะระมังระวัง เดี๋ยวจะกลายเป็นไม่สำรวม
ดังนั้น พระทุกรูปเมื่อบวชใหม่ จะต้องฝึกนุ่งห่มใหม่ ฝึกอธิบายบรรพบุรุษตามพระธรรมวินัย เพื่อให้ได้ฉายใหม่ คือมิติสำนามระวังและเลิกเอาแต่ใจตัวเอง
อาหาร ก็เพาะนิสัยทั้งดีและชั่วได้เหมือนกัน ถ้าหากเราจะเลิกนียตามใจปาก เลิกนิสัยเอาแต่ใจเอง ก็ต้องฝึกวิธีห้ามใจ โดยฝึกจากข้าวแต่ละคำคำนี้เอง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงฝึกให้เป็นคนประเภทไม่ตามใจปากตามใจท้อง ให้ฉันแต่พออิ่ม ฉันเพื่อประทังชีวิต กินอาหารเหมือนกันกินยา
การบำบัดมีความสำคัญต่อชีวิตตนพระพุทธอย่างไร?
ผู้ที่มาบวขุจะถูกตีด้วยพระธรรมวินัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจากความปราถนาในชีวิตประจำวันนี้นี่สิ ก็ถือว่าเป็นฝึกตนเองไปพร้อม ๆ กับการฝึกแก่นิสัยเดิมของตัวเอง เมื่อเก็นนิสัยไม่ได้สำเร็จ หนทางข้างหน้าก็จะราบรื่นขึ้น เพราะใจจะคิดในสิ่งที่ควรคิด ปากจะพูดในสิ่งที่ควรพูด กายจะทำในสิ่งที่ควรทำ
เมื่อเราคิด พูด ทำ ในสิ่งที่ควรจิตเป็นนิสัยไปแล้ว บาบก็จะไม่เกิด หรือหากเผอเรอหลงลืมไปบ้าง แม้เป็นบาปเกิดน้อย ในขณะความดีมีเพิ่มมากขึ้น บุญก็เกิดมากขึ้น เมื่อบุญเกิดตัวเองมากขึ้น ถึงเวลาจะอุทิศให้คุณแม่ที่ละโลกไปแล้ว ก็อุทิศไปให้ท่านได้มากขึ้น หากท่านยังมีชีวิตอยู่ ก็พูดว่า เราบวชแล้วได้บำทัดซัดบันตามพระธรรมวินัย เพื่อแก้ในสิ่งไม่ดีให้หมดไป
เพราะฉะนั้น วัตประสงค์หลักของการบวช ก็คือขอเพื่อให้ได้สืบสานตัวเองตามพระธรรมวินัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยิ่งในบวชนิสัยไมดีมากเท่าไร บุญก็เกิดมากเท่านั้น ความศรัทธา ชนชั้นในพระคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเกิดมากขึ้นเท่านั้น ความกตัญญูความดีของพระองค์อยากจะตอบแทนพระคุณก็เกิดมากขึ้นเท่านั้น เมื่อความกตัญญูเทิดขึ้น ความกตัญญูเทิดขึ้น ความกตัญญูเทิดขึ้น ความกตัญญูเทิดขึ้น ความกตัญญูเทิดขึ้น ความกตัญญูเทิดขึ้น ความกตัญญูเทิดขึ้น ความกตัญญูเทิดขึ้น
ความกตัญญูเทิดขึ้น ความกตัญญูเทิดขึ้น ความกตัญญูเทิดขึ้น ความกตัญญูเทิดขึ้น
และความกตัญญูเทิดขึ้น...