ข้อความต้นฉบับในหน้า
โดยก่อนหน้าที่จะมีการขายเอกสารโบราณนั้น แชม ฟิโอเกท์ ได้ติดต่อกับนักโบราณคดีชื่อ อลิซ แชนนเดอร์ ให้ช่วยเขียนอธิบายความเป็นมาของเอกสารโบราณเหล่านี้ ซึ่งเมื่อเธอได้วิเคราะห์ก็พบว่า เอกสารโบราณเหล่านี้ถูกฉลุเป็นภาษาสันสกฤตด้วยตัวอักษรพราหมณ์ (อ่านว่าพราม-มิ) ในช่วงราวปี พ.ศ. ๕๕๘-๕๙๕ เป็นพระคัมภีร์ในพุทธศาสนาที่สร้างพระสูตร พระวินัย ตลอดจนจารีตเหตุการณ์ต่าง ๆ หลายเรื่องก็เป็นที่ทับถมกันอยู่แล้ว แต่เอกสารอีกหลายชิ้นมีเรื่องราวที่ไม่เคยปรากฏให้โลกรู้มาก่อน และเรียกได้ว่าเป็นเอกสารสำคัญในภาษาสันสกฤตที่เก่าแก่ที่สุดของพุทธศาสนา (ที่มีหลักฐานเหลืออยู่) พระคัมภีร์พุทธศาสนาโบราณเหล่านี้ถูกจารอยู่บนแผ่นวัสดุต่าง ๆ ได้แก่ ใบลาน เปลือกไม้ หนังแกะ และแผ่นทองเหลือง เป็นต้น เจาะรู้เรื่องราวด้วยยืดเยื้อและบันทึกที่เป็นเล่ม บางเล่มอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ แต่ก็เป็นเศษเล็กเศษน้อยนั่นมีจำนวนมาก และเมื่อสืบหาข้อมูลต่อไป ท่านศาสตราจารย์จึงพบว่า แหล่งที่มาของเอกสารโบราณสำคัญอันค่าเหล่านี้มีใช่จินตนาการ จนเป็นนักเรียนแห่งความเชื่อและลัทธิที่หยุดยั้งในโลกลุ่มต่อจากพระพุทธ ปัจจุบันยังไม่ทราบแน่ชัดว่าทำไมองค์เอกสารเหล่านี้ถึงได้กลายเป็นที่ขุดค้น “ปราสาทนครวัด” แต่เป็นคำถามที่อยู่ในใจนักวิชาการที่เคารพและเชื่อในความศรัทธาที่มีต่อความรู้และเรียนรู้เกี่ยวกับความเป็นไปของพุทธศาสนา จากการศึกษาพระคัมภีร์ที่มีความเก่าแก่ที่สุด ด้านโบราณคดี วัฒนธรรม และความคิดความรู้ของคณะสงฆ์ ตลอดจนผู้คนในยุคนี้ ๆ ด้วย จนทำให้ภาพโลกยุคต้นตื่นใจ เพราะทั้งเนื้อเรื่องราวที่ถูกจารด้วยภาษและตัวอักษรโบราณล้วนมีความสำคัญเป็นอย่างมาก นักวิชาการที่ร่วมกันทำงานเหล่านั้นประกอบด้วยนักวิชาการ คุณอาจระระดับโลกของยอร์มัน มีศาสตราจารย์อัลร์ แชนนเดอร์ ผู้อีชะเชี่ยวชาญด้านอักษรโบราณจากพิพิธภัณฑ์ศิลปะอังกฤษ ท่านศาสตราจารย์ เบนส์ ดูอ ฮาร์ทแมนน์ จากมหาวิทยาลัยลูวิติก แม็กซิม เลียน มิวินด์ และทีมจากประเทศญี่ปุ่น คือ ท่านศาสตราจารย์คาคุบนุ มัดซิดะ มหาวิทยาลัยเคียวโค อิมา คาซูมิ สวนิชเลน (ชาววิสเลน) จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด อเมริกา อีกด้วย ท่านเหล่านี้ได้ร่วมงานกันมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๐ จนถึงปัจจุบันนี้มนักวิชาการระดับโลกและนักวิชาการรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถเข้าร่วมงานอีกมากมาย และที่สำคัญคือ ปัจจุบันมึนวิจัยของสถาบันดีรีวมอยู่ด้วย