การจัดการกับคำพูดและเทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน : หน้า 74/110

บางคนพยายามหาคำที่เจ็บที่สุด คำให้เจ็บที่สุด เพื่อให้ฝ่ายหนึ่งแสนเข้าไปถึงจุด ทำแล้วรู้สึกสะใจ แบบนี้บ้างการจะเกิดขึ้น ถ้าไม่มีปัญชาอย่าไว้จะตนรถ ดาวเอานำ้ดมาราดแสบเข้าไปถึงจุด ทนกระดู น้ำรดนัดนัดนี้ถึงกระดูจริง ๆ ทุกอย่างที่เราแสดงออกไปจะย้อนกลับมาถีงตัวเราหมด แล้วแรงกว่าเป็นร้อยเป็นพันเป็นหมื่นเท่า เพราะฉะนั้นขอเตือน ถ้าใครอยู่ให้ยึดหลัก "อดทนที่ผิดพลาดลืมให้หมด จากนั้นไม่ทำอีกเดดขาด" ส่วนคนที่ไม่ได้แสดงความเห็นก็อย่าพยายามอย่าไปอ่าน ตรงไหนที่เขาใช้คำหยาบ ๆ แรง ๆ อย่าไปกิ๊ก ไปคุย เพราะการที่มีคนสนับสนุนเยอะ ๆ จะทำให้เรารู้สึกภูมิใจ คำเสม ค ของเขามีคุณเยอะ เป็นการให้กำลังใจคนทำได้ให้กำลังใจทำมากขึ้น เราก็มีส่วนสนับสนุนแม่มบไปด้วย ขณะเดียวกันพรอไปสนใจคับกับสิ่งเหล่านี้ ใจเราจะค่อย ๆ หายโดยไม่รู้ตัว ไม่เป็นผลดีต่อคุณภาพใจ เราต้องรู้ทันกัน ไม่แสดงความคิดเห็นยกย่องไปต่อ แล้วก็ไม่แสดงความคิดเห็นด้วย ถ้าจะนำเสนอ ก็นำเสนอข้อมูลดี ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อโลก มีวิธีเขูอุปกรณ์เหล่านี้อย่างไรให้เกิดความพอดีและเหมาะสม? ในบางอาชีพ บางหนำที่ทำงาน การอัปเดตข้อมูลที่นำมาจากความจำเป็น แต่ไม่ได้ใช่การคุยเรื่องเปล่าไร้สาระ ถาผู้ใหญ่มาถามมาสำหรับร่วมงานถามมา แบบนี้การ เก็บอยู่เป็นระยะ ๆ เป็นประโยชน์ ทำให้นคนเคลื่อนไหวได้เร็ว แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของความพอใจและความเป็นประโยชน์ ถ้าเป็นเรื่องทั่วไป ๆ ไป วันหนึ่งเช็ก 3-4 ครั้งก็พอ ถ้าเช็กชั่วโมงละ 3-4 ครั้งมากเกินไป กลายเป็นนิสัยไปแล้ว ถ้าไม่ได้ทำรู้สึกมันขาดอะไรสักอย่าง ไม่มีอะไรติดอยู่เรื่อย ๆ แค่ยังใจเอง อย่างนี้เสียประโยชน์ ทำให้แนวโน้มสมาธิสั้น พอกอะไรบันไปอย่างอื่นแล้ว นี่คือโทษอย่างหนึ่งของความมักทิฐิ ทำให้เสียสมาธิในการทำงานต่าง ๆ สิ่งที่ช่วยได้มีก็คือ การลวดมนต์ นั่งสมาธิ ระหว่างลวดมนต์ นั่งสมาธิ ปิดโทรศัพท์เลย พอเท่ากับแบบนี้ได้ จะเป็นการฝึกฐานว่าเราคุมมันได้ และทำให้ใจร่มเย็นด้วย ในยุคปัจจุบันพอครีมาถึง สามารถดูเห็นสิ่งต่าง ๆ ผ่านเว็บไซต์ ผ่านโลกออนไลน์ แล้วสามารถพูดคุยกันได้มากมาย ทั้งโดยการพูดและการพิมพ์ ผลคือ มีเรื่องความสุขใจมากเหลือเกิน ทำให้เรากระเพื่อ ไม่คอดยิ่ง แต่การส่งสมาธิเป็นการฝึกให้เรามีแผนงินเพื่อที่จะรับมือกับกระแสข้อมูลที่มาทันทุก ๆ ทาง และยังช่วยฝึกนิยามในการใช้สื่อเทคโนโลยีเหล่านี้ด้วย บริษัทผลิตอุปกรณ์สื่อสารพยายามออกเครื่องใหม่ ๆ และเพิ่มฟังก์ชันต่าง ๆ ตัวเราในฐานะผู้ใช้ต้องเปลี่ยนเครื่องให้ทันสมัยทุกครั้งหรือไม่? ให้ใช้เฉพาะสิ่งที่เป็นต่อหน้าที่การงานและความเป็นอยู่ของเรา ไม่ใช่เพราะเป็นแฟชั่นคนอื่นมีเราข้องบ้าง บางคนของเก่าเพิ่งซื้อมา ยังผ่อนไม่หมดเลย ซื้อเครื่องใหม่อีกแล้ว อย่างนี้กลายเป็นเทคโนโลยี ทาสแฟชั่น พอเห็นโฆษณาริสึกอยากได้ ที่จริงถ้าเขายังไม่ออกรุ่นใหม่ เราก็ใช้อุปกรณ์เก่าได้ ในเมื่อยังใช้ได้จะไปเปลี่ยนทำไม เพราะฉะนั้นให้ใช้นา ๆ จนกว่าความจะต้องเปลี่ยน เช่น เครื่องหมอสมาพรเสียน้อย แบบนี้อยากเครื่องใหม่มากแทน