ข้อความต้นฉบับในหน้า
การศึกษาวิธีวิเคราะห์ความหมายเชิงอนุมานโดยใช้แนวคิดของพระอักขระในคัมภีร์มหายานมาการิสมากกว่า
The Analytical Study of the Affirmative Catuskoti by Nāgarjuna in Mulamadhyamakarika Scripture
จากแนวคิดข้างต้นผู้เขียนจงเลือกใช้กฎการปฏิสัมบัติแบบประสัญประติษะ เนื่องจากมีแนวทางการอธิบายที่ใกล้เคียงกับแนวคิดของ Jayatilleka และเลือกการแทนค่าประโยคในโกฏิที่ 2 ด้วยสัญลักษณ์ R เนื่องจากไม่ได้เน้นเสนอดเพื่อให้มีความหมายชัดเจนกับประโยคในโกฏิที่ 1 และเพื่อป้องกันความสับสนในการตีความ แสดงได้ดังนี้
ประโยคในโกฏิที่ 1 คำสอนของพระพุทธเจ้าคือสรรคสิ่งเป็นจริงแทนด้วย P
ประโยคในโกฏิที่ 2 คำสอนของพระพุทธเจ้าคือสรรคสิ่งไม่เป็นจริง(ไม่เป็นอย่างนั้นแตอาจเป็นบางอย่างที่ไม่ได้ตรงข้ามกับความจริง) แทนด้วย R
ประโยคในโกฏิที่ 3 คำสอนของพระพุทธเจ้าคือสรรคสิ่งเป็นจริงและไม่เป็นสิ่งที่ไม่เป็นจริง (ไม่เป็นอย่างนั้นแตอาจเป็นบางอย่างที่ไม่ได้ตรงข้ามกับความจริง) แทนด้วย P·R
ประโยคในโกฏิที่ 4 คำสอนของพระพุทธเจ้าคือสรรคสิ่งทั้งไม่จริงและทั้งหมดไม่เป็นสิ่งที่ไม่จริง (ไม่เป็นอย่างนั้นแตอาจเป็นบางอย่างที่ไม่ได้ตรงข้ามกับความจริง) แทนด้วย ~P . ~R
ดังนั้นเมื่อสรุปจากการเลือกใช้ประโยคในคัมภีร์พบว่า ประโยคในคำสอนในโกฏิที่ 4 ประโยคมีความสมบูรณ์หรือเท่ากับทุกประการกับเนื้อหา คำสอนที่ปรากฏในโลกที่ 18.8 และประโยคในแต่ละโกฏิเป็นประโยคตรรกะที่ไม่ขัดแย้งกับฐานข้อมูลทางตรรกะของอิสโตเล็ต ได้ดังนี้