ข้อความต้นฉบับในหน้า
ธรรมธารา
วาสสาวิภาวาภาพพระพุทธศาสนา ปีที่ 4 ฉบับที่ 2 (ฉบับรวมเล่มที่ 7) พ.ศ. 2561
สวรรค ตยั น ว ตยั น า ลตฏถุยเม ะ จ ในวตยั น โว ตยั น ในว ตยั นเมตฑุพุทธพุทธาศรม
สรรพสิ่งเป็นจริง (เป็นอย่างนั้น) หรือไม่เป็นจริง (ไม่เป็นอย่างนั้น) ทั้งที่เป็นจริงและไม่เป็นจริง (ทั้งเป็นอย่างนั้นและไม่เป็นอย่างนั้น) และ ไม่เป็นจริงไม่ใช่ เป็นจริงก็ไม่ใช่ (ไม่เป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนั้นก็ไม่ใช่) นี่คือคำสอนของพระพุทธเจ้า22
สัจจะ 2 และหลักปฏิจสมุปบาท
อย่างไรก็ดีตาม แม้เราจะพบว่าศลกข้างต้นเป็นศิลยืนยัน คำสอนของพระพุทธเจ้าโดยสำนักมัชฌิมะ และจากการศึกษาเพิ่มเติม ในเรื่องไขความกทางภาษาอันสลักฉทและหลักการของการเป็นคู่ตรงข้าม ที่ไม่ชัดแจ้งส่งผลให้โครงสร้างกล่าวถึงข้างต้นไม่ชัดกันดกแห่งความคิด ทางตรรกศาสตร์ตะวันตกแล้วก็ตาม เรายังคงประสบปัญหาทางด้าน คำสอนเรื่องความจริงของพระพุทธเจ้าอยู่ คำถามคือทำไมสำนักมัชฌิมะจึงได้คลุมคำสอนเรื่องความจริงไว้ถึง 4 มุม เป็นไปได้หรือไม่ว่า คำสอนเรื่องความจริงของสรรพสิ่งเกิดความกว้างไปจนถึงที่สุดของ ขอบเขตความคิด ซึ่งจากการค้นคว้าในคัมภีร์มุขมังการิกาเพิ่มเติม พบว่า มีคำสอนอยู่ อย่างน้อย 2 ประเภทที่พระนาคารูปกล่าวเอาไว้ใน โศลกที่ 24 คือ
"การแสดงรวมของพระพุทธเจ้าทั้งหลายอดีตความจริงองค์ ประกาศได้แก่ สังขุติตตะ และปรมาณตะ"