ข้อความต้นฉบับในหน้า
หน่ายชีวิตทางโลก ได้สละราชสมบัติออกบวชโดยมีทหารตาม
ออกบวชกันมาก มีขุนศึกทั้งห้าด้วยเพราะทุกคนรักพระราชา
มาก แต่บวช 4 รูป อีกคนหนึ่งในกลุ่มออกไปมีครอบครัว
เป็นกองเสบียงสนับสนุนการบวชของเพื่อนๆ และทำบุญร่วม
กันในชาตินั้น
นักบวชทั้งสี่รูปยังคงติดนิสัยนักรบอยู่ เมื่อมีพระเถระ
รูปหนึ่งอบรมว่า
“เธอเป็นพระแล้วไม่ใช่ทหารรบอย่างแต่ก่อน เวลานี้เธอ
เป็นทหารทางธรรม ต้องสงบเสงี่ยม สง่างาม สมกับเป็นพระ
และต้องฝึกฝนกิริยามารยาท คือต้องนั่งให้เป็น นอนให้เป็น
ยืนให้เป็น เดินให้เป็น และพูดให้เป็น ไม่ใช่นั่ง นอน ยืน
เดิน พูดแบบทหาร แล้วจะมานั่งจับกลุ่มคุยกันเรื่องของฆราวาส
ไม่ได้ เพราะเราบวชเป็นพระแล้ว”
พระบวชใหม่ทั้งสี่รูปฟังแล้ว ตอนแรกๆ “ครับผมๆ”
แต่ด้วยมานะทิฏฐิสูง ถือตัวว่าตนเคยเป็นขุนทหารรบทัพจับ
ศึกใหญ่มาก่อน จึงนั่งรำพึงลับหลังพระเถระกันว่า
“คนอย่างเราก็รู้ว่า นั่งเป็น ยืนเป็น เดินเป็น ฉันเป็น
ขับถ่ายก็เป็น จะต้องมาสั่งสอนอะไรกันนักหนา”
จากที่คุยกันในกลุ่ม อินทรีย์แก่กล้าหนักขึ้นไปอีก คือ
บาปมากขึ้น กล้าตำหนิพระเถระรูปนั้นต่อหน้า พอเดินผ่าน
ทำพูดลอยๆ ให้เข้าหูท่านว่า
“รู้ว่า ข้าศึกใหญ่กว่านี้ เรายังรู้เลย รู้ว่าต้องทำยังไงๆ
ไม่ต้องมาสั่งสอนหรอก”
เมื่อบวชไปนานๆ เข้า วิญญาณความเป็นพระเกิดขึ้น ทำ
ให้สำนึกได้ว่าตนจาบจ้วงล่วงเกินพระผู้ใหญ่ จึงเข้าไปขอขมา
ท่าน แล้วตั้งใจปฏิบัติธรรมจนถึงดวงธรรมและเห็นองค์พระ
ใสด้วยกันทุกรูปในชาตินั้น
ด้วยวิบากกรรมที่จับเชลยปล่อยเกาะ และวจีกรรมที่ไม่
เคารพพระภิกษุสงฆ์ ทำให้นายทหารทั้งห้าต้องมาเกิดบน
เกาะและเกิดในตระกูลคนชั้นล่าง ที่ดำเนินชีวิตลำบากยากจน
ในสถานที่ที่ไม่ใช่ปฏิรูปเทส นอกบุญเขตพระพุทธศาสนา ทำ
ให้นานๆ พบพระสักทีหนึ่ง มีโอกาสทำความดีหรือสร้างบุญ
ใหญ่กับเนื้อนาบุญน้อยมาก แต่ด้วยบุญที่เคยบวชเป็นพระ
ภิกษุ ยามใดที่เจอพระภิกษุสงฆ์ มีความรู้สึกเหมือนมีกระแส
ดูดให้เข้าหา ชีวิตจึงพัดผันให้เกิดในร่มเงาพระพุทธศาสนา
อีกครั้งหนึ่ง
ชาตินี้ ขุนทหารทั้งห้าได้มาเกิดเกิดร่วมท้องพ่อแม่เดียว
กัน โดยมีพี่สาวคนโต เป็นอดีตภรรยาของหนึ่งในห้าขุนทหาร
30
case study
31
กฏแห่งกรรม
"ยักษ์น้ำ - ปลาทะเล”