ข้อความต้นฉบับในหน้า
รถทัศนาจรสองคันตะวิ่งบนถนนพหลโยธิน ผู้โดยสารเป็น
นักเรียนชั้นมัธยมปีที่ 6 โรงเรียนสมุทรพิทยาคม กิ่งอำเภอ
บางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ กำลังเดินทางไปเข้าค่าย
วิทยาศาสตร์ ยังอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์
หวังชมเทือกเขา ต้นน้ำลำธาร น้ำตก ถ้ำหินงอกหินย้อย ป่า
สนสองใบ นกไร้พรมแดน และผีเสื้อร้อยกว่าชนิด ท่ามกลาง
อากาศหนาวเย็นของขุนเขาและอาทิตย์อัสดง
เสียงร้องรำทำเพลงครึกครื้นสนุกสนานของนักเรียนชาย
หญิงกว่า 70 ชีวิต ในรถทัศนาจรคันที่สอง นิสสัน ทะเบียน
30-0502 สมุทรปราการ บอกอารมณ์รื่นเริงของคนหนุ่ม
สาววัย 18 ปีเต็มที่ ในรถคันนี้มี ปอนด์ หรือ ณัฐกร แก้ว
โอภาส ที่ย้ายมาจากรถคันแรก โดยไม่ฟังเสียงคัดค้านของ
เพื่อนๆ ร่วมก๊วนที่นั่งมาด้วยกัน เพราะเขาชอบฟังเพลงอยู่
แล้ว เมื่ออาจารย์ประจำรถคันที่สองขอเปลี่ยนรถกับเขา เพื่อ
หนีเสียงหรรษาของนักเรียนวัยรุ่น เขาจึงเต็มใจย้ายมานั่งคัน
ที่สองทันทีโดยไม่ได้ขนกระเป๋าตามมาด้วย แม้เสียงร้องเพลง
ดังสนั่นหวั่นไหวเพียงใดก็ตาม ณัฐกรก็ยังผลอยหลับด้วยความ
อ่อนเพลีย เพราะเมื่อคืนเขาเที่ยวกับเพื่อนๆ ดึกถึงตีสอง
ขณะที่รถบัสแล่นมาถึงทางแยกไปพุแค-หล่มสักบริเวณ
หน้าปั๊มน้ำมันบางจาก ใกล้โรงเรียนพุแควิทยาคม ตำบลพุแค
อำเภอเฉลิมพระเกียรติ เหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น
เมื่อรถพ่วง 18 ล้อวิ่งข้ามเลนเข้ามาหาพุ่งอัดเสยรถบัสนักเรียน
กลางลำเข้าอย่างจังจนรถบัสพลิกคว่ำพังยับเยิน รถพ่วงซึ่งอยู่
ทางขวาแล่นถลาตัดไปทางซ้ายตรงร่างของณัฐกรที่กำลังหลับ
อยู่ค่อนไปทางหลังรถ คอหักตายทันที
เสียงร้องเพลงเฮฮากลายเป็นเสียงกรีดรองด้วยความตระ
หนกตกใจและเจ็บปวดสาหัส นอนร้องครวญครางขอความ
ช่วยเหลือ รถตำรวจทางหลวงสระบุรี รถโรงพยาบาลพระ
พุทธบาท และโรงพยาบาลสระบุรีรีบมาที่เกิดเหตุ พบรถบัส
พลิกตะแคงคว่ำฝั่งขาขึ้น ร่างของนักเรียนเคราะห์ร้ายบางส่วน
กระเด็นออกนอก ตัวรถบาดเจ็บและเสียชีวิต มีนักเรียน
เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 12 ศพ สภาพศพส่วนใหญ่แหลกเหลว
72
case study
73
กฏแห่งกรรม
ตายข้างถนน"