ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อธิบายบาลีไวยากรณ์ สมัญญาภิธานและสนธิ - หน้าที่ 9
ฬ เช่น รุฬโห (งอกแล้ว) มุฬโห (หลงแล้ว)
เหล่านี้ ท่านกล่าวว่าเกิดแต่อก เรียก อุรชา แต่ที่ไม่ได้ประกอบด้วย
พยัญชนะเหล่านั้น ก็เกิดในคอ ตามฐานเดิมของตน
ผู้แรกศึกษา เมื่อได้อ่านตอนจบแล้ว บางคนจะนึกสงสัยว่า
ข้างท้ายของฐาน (ที่เกิด) แห่งอักขระ บางแห่งเป็น ชา เช่น
กณฺฐชา ตาลุชา บางแห่งเป็น โช เช่น กณฐิตานุโช กณโจฏฺฐโช
ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ข้อนี้ถ้าใช้ความสังเกตสักเล็กน้อยแล้ว จะเข้าใจได้
ทันที เพราะที่ลงท้ายเป็น ชา เช่น กณัฐชา ตาลชา นั้น เป็นพหุวจนะ
คือพูดถึงอักขระหลายตัว ส่วนที่ลงท้ายเป็น โช เช่น กณโจฎฐโช
ทนฺโตฏฺฐโช ล้วนแต่เป็นเอกวจนะ คือพูดถึงอักขระเฉพาะตัวเดียว
เท่านั้น เพราะฉะนั้น ควรกำหนดเสียให้แม่นยำว่า ถ้ากล่าวถึงอักขระ
ตัวเดียวให้ลงท้ายเป็นเสียง โอ เช่น อ เกิดในคอ เรียก กณฺฐโช อิ
เกิดที่เพดาน เรียก ตาลุโช แต่ถ้ากล่าวถึงอักขระหลายตัว ให้ลงท้าย
เป็นเสียง อา เช่น อ อา เกิดในคอ เรียก กณัฐชา อิอี เกิดที่
เพดาน เรียก ตาลุชา ดังนี้เป็นตัวอย่าง
กรณ์
กรณ์ คือ ที่ทำอักขระมี ๔ คือ ชิวหามชุฒิ ท่ามกลางลิ้น ๑.
ชิวโหปคุก ถัดปลายลิ้นเข้ามา ๑. ชิวหอก ปลายลิ้น ๑. สกฏฐาน
ฐานของตน ๑.
ท่ามกลางลิ้น เป็นกรณ์ของอักขระที่เป็น ตาลุชะ คือ อิ อี, จ ฉ
ช ฌ ฌ. ย.