ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อธิบายบาลีไวยากรณ์ สมัญญาภิธานและสนธิ - หน้าที่ 26
ปุ๊-ลิงค์ เป็น ปุลลิงค์, สํ ลกฺขณา เป็น สลุลกฺขณา
ง. ถ้าสระอยู่เบื้องหลัง แปลงนิคคหิตเป็น ม และท เช่น ยอห์
เป็น ยมหิ, ติ=อห์ เป็น ตมห์, ย์-อิท, เป็น ยทิท, เอต์-อโวจ
เป็น เอตทโวจ.
นิคคหิตอาคม นั้น เมื่อสระก็ดี พยัญชนะก็ดี อยู่เบื้องหลัง
ลงนิคคหิตได้บ้าง เช่น จกฺขุ อุทปาทิ เป็น จกข์อุทปาทิ นี้สระอยู่หลัง
อว-สิโร เป็น อวสิโร นี้พยัญชนะอยู่หลัง
ปกตินิคคหิต นั้น ก็ดุจเดียวกันกับปกติสระและปกติพยัญชนะ
คือ ควรจะทำวิธีแห่งสนธิกิริโยปกรณ์อย่างใดอย่าหนึ่ง เช่นจะ
ลบหรือแปลงเป็นต้นได้ แต่ไม่ทำ คงไว้ตามรูปเดิม เช่น ธมฺม จเร
แม้จะแปลงนิคคหิตเป็น ญ ให้เป็น ธมฺมญจเร ก็ได้ แต่หาแปลงไม่
คงไว้ตามเดิม เป็น ธมฺมจเร ดังนี้เป็นต้น
เพราะ
ปกติสระก็ดี ปกตินิคคหิตก็ดี แม้จะไม่มีวิธีทำให้แปลกไปจาก
เดิมก็จริง แต่ก็เป็นวิธีต่อศัพท์ที่มีอักขระ ให้เนื่องด้วยอักขระ วิธี
หนึ่ง ๆ ส่วนปกติพยัญชนะ เช่น สาธุ คงรูปเป็นสาธุ อยู่อย่าง
เดิม นี้ถ้าจะว่าตามลักษณะของสนธิแล้ว ก็ไม่น่าจัดเป็นสนธิ
มิได้ต่อกับศัพท์หรืออักขระอื่นดุจสนธิอื่น แต่พึงเห็นว่า ที่ท่านจัดเป็น
สนธิกิริโยปกรณ์แผนกหนึ่งนั้น ก็เพราะพยัญชนะสนธิ ไม่นิยมสระ
หรือพยัญชนะอยู่เบื้องหน้าหรือเบื้องปลาย