ข้อความต้นฉบับในหน้า
ทรงธรรม
วารสารวิชาการทางพระพุทธศาสนา ฉบับที่ 4 ปี 2560
กล่าวว่านิโรธสมาบัติเป็นการสืบศัณติของจิตที่จะละเอียดสุขุม
แต่ทางเหตุว่าว่าไม่มีจิตในนิโรธสมาบัติ ดังนั้น มติธรรมห
เหตุว่าว่าและมติธรรมของพวกไววกะที่ประกฎในคัมภีร์อรรถธรรม
มหาวีรอาไม่สดคล้องกัน
36 กระแสความเห็นของนักวิชาการมีความเน้นเอียงไปในแง่ที่ว่า ทางชมฺติกะ (Dārstāntika) เป็นชื่อเรียกหนึ่งของ เสตรานิตะ มีพระกุมารลาดะ เป็นผู้ก่อตั้ง ช่วงอายุของพระกุมารลาดะยังมีมิติไม่เห็นน้องต้องกัน แต่คาดว่าท่านเป็นพระนิยาสราวาสดิวามในอดีต หรือในช่วงเวลาที่คัมภีร์ชาญาญปริสถานได้เกิดขึ้นตามตำนานพระกุมารลาดะอยู่ในฐานะอาจารย์ของท่านหรือนักมั่น ส่วนท่านสิราตะเป็นอาจารย์ของพระวุฒโนโดยตรง แต่ก็มีการตั้งข้อสังเกตว่า ไม่จำเป็นที่พระกุมารลาดะต้องเป็นอาจารย์โดยตรงของพระศรีลาดะ
หากจะกล่าวถึงช่วงสมัยของท่านพระกุมารลาดะอย่างช้าสุด ไม่ควรย้อนไปกว่า ครีสต์ตรวรรษที่ 2 เพราะในคัมภีร์อรรถธรรมมหาวีรอที่ได้กล่าวอ้างถึง ท่านพระกุมารลาดะ พระอคฺโฆษะ พระนาคารุณ คัลลายอายุในช่วงสมัยเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน ดังนั้น คำว่า “มูลอาจารย์” ที่อ้างถึงโดยฝ่ายไวจิตรา ท่านคือ ทารฺภานิตตกะ หรือเสตรานิตะ น่าจะเกิดขึ้นหลังจากที่ฝ่ายไวจิตราได้ลาไปแล้วนอกจากนั่น มีคำมีชื่อว่า กัลปนัมจิตติกะ (Kalpanāmantikitka) ซึ่งน่าจะเกี่ยวข้องกับทางฐานะนิตะ โดยปรากฏคำว่า ทฤษฎีฐานปกติ (Dārstantapaṇkti) แปลว่า Collection of Dārstanta ที่สำคัญคือ ชื่อของพระกุมารลาดะที่ปรากฏในช่วงต้นคัมภีร์นี้ด้วย
คำว่า ทฤษฎีฐานิตะ ปรากฏในคัมภีร์อรรถธรรมมหาวีรอ ส่วนคำว่า เสตรานิตะ ปรากฏในคัมภีร์อรรถธรรมโกศาคยะ จากหลักฐานนี้อาจเกิดการสันนิษฐานไปกว่าทั้งสองกลุ่มนี้เป็นกลุ่มเดียวกัน เพียงแต
(ชื่อครบถ้วน อ่านต่อหน้าถัดไป)