ข้อความต้นฉบับในหน้า
๗๘
“ความรู้ที่เกิดขึ้นกับคนดีนั้น ย่อมมีแต่นำความเจริญรุ่งเรืองมาให้ เพราะมีแต่จะใช้
ความรู้ไปในทางที่ถูกที่ควร”
ผลที่ตามมาก็คือ บรรยากาศของการส่งเสริมศีลธรรม ย่อมเกิดขึ้นทั่วบ้านทั่วเมือง
อบายมุขซึ่งเป็นอาชีพที่หากินบนความวิบัติของผู้อื่น จะไม่ถูกปล่อยให้ระบาดท่วมบ้าน
ท่วมเมืองเป็นอันขาด
ความก้าวหน้าด้านเศรษฐกิจและความร่มเย็นด้านศีลธรรมได้เจริญรุ่งเรืองไปคู่กัน
ผู้คนก็มีศีลมีธรรม มีปกติยิ้มแย้มแจ่มใส ทักทายไหว้ก่อน ไม่หน้าหงิกหน้างอใส่กัน ไม่
คิดจ้องจะกินเลือดกินเนื้อกัน วัดวาอารามก็ไม่ถูกทิ้งร้าง มีแต่สร้างเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อ
ให้มีจำนวนเพียงพอกับประชากรในหมู่บ้าน
การเลี้ยงชีพของคนส่วนใหญ่ในยุคนั้น ก็ไม่เอารัดเอาเปรียบกัน มีแต่สงเคราะห์
ช่วยเหลือกัน การจัดการระบบเศรษฐกิจของบ้านเมือง ก็วางแผนเพื่อความอยู่รอดร่วมกัน
ไม่ใช่แบบปลาใหญ่ไล่กินปลาเล็ก ประชาชนทั้งประเทศก็มีความรักกันเหมือนพี่น้อง
เพราะต่างก็เต็มใจที่จะร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน ยินดีที่จะอิ่มด้วยกันอดด้วยกัน และตั้งใจไป
สวรรค์อย่างพร้อมหน้าพร้อมตากัน
การเสียสละเพื่อประโยชน์สุขของคนส่วนรวมในบ้านเมืองนี้ จึงเป็นสิ่งที่ทำด้วย
ความเต็มใจ ไม่ใช่การขู่เข็ญบังคับ เพราะทำด้วยความรักความห่วงใยพี่น้องร่วมชาติของ
ตน และไม่ใช่เป็นการทำเพียงลำพังคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นการช่วยกันคนละไม้คนละมือ
“ความสามัคคี” จึงเกิดขึ้นเป็นปึกแผ่นทั้งบ้านทั้งเมือง โดยมีสายบุญ สายธรรมเป็นเครื่อง
ร้อยรัดมัดใจ
บ้านเมืองที่มีแต่ความสามัคคีนั้น จะเกิดขึ้นมาได้ก็ต่อเมื่อมี "วัดเป็นศูนย์กลางการ
สร้างมิตรแท้ให้กับสังคม” เพราะฉะนั้น วัดที่เป็นวัดตรงตามพุทธประสงค์ยิ่งมีจำนวนมาก
เท่าใด ยิ่งเป็นการเพิ่ม “สถาบันการศึกษาด้านศีลธรรมสำหรับสร้างมิตรแท้ให้แก่บ้านเมือง
มากเท่านั้น
วัดเป็นสัญลักษณ์แห่งความเจริญรุ่งเรือง
ด้วยเหตุที่วัดเป็นทั้งรากฐานการศึกษาประจำท้องถิ่นและรากฐานการพัฒนาบ้านเมือง
วัดจึงเป็นสัญลักษณ์แห่งความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมืองทั้งด้านเศรษฐกิจและด้านจิตใจ