ข้อความต้นฉบับในหน้า
๑๖
เรื่อง : โค้ก อลงกรณ์ (www.banyaibook.com)
ochrym
สะดวกใจ
ผมชอบบรรยากาศยามค่ำคืนของวันมาฆบูชาที่ผ่านมา
สัมผัสได้ถึงความศรัทธาของชาวพุทธทั่วโลกที่พร้อมใจร่วมจุดโคมประทีปนับล้านดวงให้สว่างไสว
ถวายเป็นพุทธบูชา แต่ยามค่ำนี้พิเศษไปจากเดิม หลังพิธีจุดมาฆประทีป หลวงพ่อมายังบริเวณโบสถ์
เพียงแค่ผ่านกำแพงเข้ามาบริเวณภายในวัด ผมก็สัมผัสได้ถึงต้นไม้ทุกต้น อาคารสถานที่ต่าง ๆ
กุฏิทุกหลัง แมลงทุกตัว และทุก ๆ ชีวิต ถูกบรรยากาศยามค่ำคืนครอบคลุม ทุกอย่างอยู่ในความสงบ วิเวก
บรรยากาศภายในวัดยามนี้ต่างจากบรรยากาศในลานธรรม มหาธรรมกายเจดีย์
รอบโบสถ์ยามนี้มีแสงจันทร์วันเพ็ญสว่างพอให้มองเห็นทาง ไฟฉายที่ผมถืออยู่ในมือจึงไม่ได้ถูกใช้เลย
ผมเดินตามหลวงพ่อไปเรื่อย ๆ
ขณะที่เดินตามหลวงพ่อไปอย่างเงียบ ๆ บนถนนรอบโบสถ์
หลวงพ่อมองหมู่ต้นไม้รอบโบสถ์ ที่ตอนนี้เห็นเป็นเพียงทิวแถวที่ถูกผ้าสีดำผืนยักษ์คลุมไว้
แล้วท่านก็หันมองไปที่โบสถ์ แสงจันทร์สะท้อนเส้นโค้งคู่ของหลังคาและช่อฟ้าโบสถ์ให้ลอยเด่น
เป็นความสวยงามที่แปลกตาต่างจากที่เคยเห็น
เกิดอะไรขึ้น? หลวงพ่อมาเดินรอบโบสถ์ทำไม? ขณะที่กำลังคิดตั้งคำถามไปเรื่อย
ก็พอดีเดินวนมาจนครบรอบ หลวงพ่อเดินเข้าไปที่โบสถ์ ก้าวขึ้นบันไดไปทีละขั้น
พอถึงขั้นสุดท้ายท่านนั่งลงหันหน้าไปทางประตูหน้าวัด เห็นพระจันทร์ลอยเด่นถนัดตา
แล้วหลวงพ่อก็ให้ช่วยมองดูพระจันทร์ที่เห็นบนท้องฟ้า
ๆ
ค่ำวันหนึ่งก่อนเข้าไปในห้องปฏิบัติธรรม หลวงพ่อให้ช่วยดูจุดสว่างที่เห็นบนท้องฟ้าว่าคืออะไร
เป็นแสงของดวงดาว หรือแสงของเครื่องบิน ทำไมแสงถึงสว่างไสวกว่าดาวทุกดวงบนฟ้า
ครั้งนั้นช่วยกันพิจารณาดูอยู่หลายท่าน จุดสว่างเนิ่นนานไม่มีการขยับเขยื้อน
คงไม่ใช่แสงไฟจากเครื่องบิน มองดูแล้วสรุปตรงกันว่า น่าจะต้องเป็นแสงของดวงดาว
เมื่อออกมาจากห้องปฏิบัติธรรม มองไปยังตำแหน่งเดิมกลับไม่พบดาวดวงนั้นแล้ว ดาวหายไป