ข้อความต้นฉบับในหน้า
สา
ปกิณกธรรม
เรื่อง : พระมหาเสถียร สุวณฺณฐิโต ป.ธ. ๙ / พระมหาวิริยะ ธมฺมสารี ป.ธ. ๙ / ภาพประกอบ : กองพุทธศิลป์
ญาติธรรม..
..ธรรมทายาท
ochrym
“ผู้ใดมีศรัทธาตั้งมั่นในพระรัตนตรัย ไม่สามารถชักนำไปในทางอื่นได้ ผู้นั้นควรเป็นบุตร
ของพระพุทธเจ้า เป็นโอรสเกิดแล้วจากพระโอษฐ์ เป็นบุตรเกิดแล้วโดยธรรม อันธรรมเนรมิตแล้ว
เป็นธรรมทายาท” (วาเสฏฐสูตร)
ความเป็นชาวพุทธในปัจจุบันนี้มีหลาย
ประเภท บางคนเป็นเพียงชาวพุทธในทะเบียน
นาน ๆ จะมีโอกาสไปวัดหรือทำบุญในโอกาสพิเศษ
เพราะมัวเอาเวลาที่มีอยู่ไปทำมาหากินอย่างเดียว
บางคนเข้าวัดเพราะไปร่วมฟังสวดศพ บางคนไป
วัดตอนเป็นศพ!! บางคนเป็นธรรมทายาทมีโอกาส
ได้บวชเป็นส่วนหนึ่งของพระรัตนตรัย บางคนเป็น
ทายก ทายิกา ได้สั่งสมบุญอย่างต่อเนื่อง ฟังธรรม
ศึกษาคำสอนของพระพุทธองค์ และลงมือปฏิบัติจน
บรรลุธรรมลุ่มลึกไปตามลำดับ แล้วพวกเราทั้งหลาย
จะเรียกตัวเองว่าเป็นชาวพุทธเช่นไร
ในสมัยหลังพุทธกาลประมาณ ๒๐๐ ปี
พระเจ้าอโศกมหาราชทรงสละพระราชทรัพย์ถึง ๙๖
โกฏิเพื่อสร้างพระวิหาร ๔๔,000 หลัง ในวันฉลอง
พระวิหารพระองค์ประทับยืนอยู่ที่อโศการาม ทรง
เหลียวดูตลอดทั้ง ทิศ ได้ทอดพระเนตรเห็น
ชมพูทวีป ซึ่งมีมหาสมุทรเป็นที่สุดโดยรอบ และ
พระวิหาร ๔๔,๐๐๐ หลัง ที่รุ่งโรจน์อยู่ด้วยการบูชา
อันยิ่งใหญ่ ทรงเกิดปีติปราโมทย์ใจอย่างท่วมท้น
ดำริว่า ความปีติปราโมทย์เห็นปานนี้เคยเกิดขึ้นแก่
ใครบ้างไหม
พระราชาตรัสถามภิกษุสงฆ์ว่า “พระคุณเจ้า
ผู้เจริญ ในพระศาสนาของพระโลกนาถเจ้ามีใครบ้าง
ได้สละทรัพย์บริจาคอย่างมากมาย การบริจาคของ
ใครเล่ายิ่งใหญ่เช่นนี้บ้าง” พระโมคคัลลีบุตรติสสเถระ
ได้ถวายพระพรว่า “มหาบพิตร ขึ้นชื่อว่าผู้ถวายปัจจัย
ในพระศาสนาของพระทศพลเช่นกับพระองค์ แม้
พระตถาคตเจ้ายังทรงพระชนม์ชีพอยู่ ก็ไม่มีใครเลย
ที่จะทรงบริจาคได้ยิ่งใหญ่เท่า”
พระราชาสดับคำของพระเถระแล้ว ทรงปีติ
โสมนัสเป็นอย่างยิ่ง ที่ไม่มีผู้ใดถวายพระวิหารได้
ยิ่งกว่าพระองค์ จากนั้นได้ตรัสถามต่อว่า "โยมได้
ยอยกพระพุทธศาสนาให้สูงเด่น เมื่อเป็นเช่นนี้ โยม
ได้ชื่อว่าเป็นทายาทแห่งพระศาสนาหรือยังหนอ”