ข้อความต้นฉบับในหน้า
พระเถระได้ฟังพระราชดำรัสแล้วมองเห็น
อุปนิสัยของพระราชโอรสของพระองค์ว่า ถ้าออก
บวชแล้วพระพุทธศาสนาจักแผ่ขยายตั้งมั่นสถิต
สถาพรสืบต่อไป จึงทูลพระราชาว่า “ขอถวายพระพร
มหาบพิตร ผู้ที่จะเป็นทายาทพระศาสนา หาใช่
เป็นด้วยเหตุเพียงเท่านี้ไม่ อีกอย่างผู้ที่ได้ถวาย
ปัจจัยไทยธรรมได้ชื่อว่าเป็นทายก ทายิกา หรือ
เป็นอุปัฏฐากเท่านั้น ยังไม่ได้ชื่อว่าเป็นทายาทใน
พระพุทธศาสนา"
พระราชาตรัสถามว่า “ข้าแต่พระคุณเจ้า
ผู้เจริญ ถ้าเช่นนั้นทายาทพระศาสนาจะมีได้อย่างไร
เล่า” พระเถระถวายพระพรว่า “มหาบพิตร บุคคล
ใดเป็นผู้มีศรัทธาในพระรัตนตรัย ได้ถวายบุตรธิดา
ผู้เป็นที่รักของตนบวชในพระพุทธศาสนา บุคคลนั้น
ได้ชื่อว่าเป็นทายาทในพระพุทธศาสนา”
เมื่อพระเถระถวายพระพรดังนั้นแล้ว พระเจ้า
อโศกมหาราชทรงดำริว่า “แม้เราบริจาคทานถึง
เพียงนี้ ก็ยังไม่ได้ชื่อว่าเป็นทายาทแห่งพระพุทธ
ศาสนาเลย” ทรงปรารถนาความเป็นทายาท จึง
ทอดพระเนตรเหลียวดูข้างโน้นข้างนี้ แล้วทรงเห็น
พระมหินทกุมารซึ่งประทับยืนอยู่ไม่ไกล ทรงรำพึงว่า
“เราประสงค์จะสถาปนาพระกุมารนี้ไว้ในตำแหน่ง
อุปราช แต่ตำแหน่งนั้นก็ไม่ประเสริฐกว่าการเป็น
สมณะ เพราะการบรรพชาเป็นสิ่งประเสริฐกว่า
ตำแหน่งอุปราชอย่างเทียบกันไม่ได้" พระราชาจึง
รับสั่งกับพระราชโอรสว่า “ลูกเอ๋ย ลูกสามารถบวช
ให้พ่อได้ไหม”
นับตั้งแต่พระติสสกุมารออกผนวชแล้ว พระ
มหินทกุมารก็มีพระประสงค์อยากจะออกผนวชด้วย
เช่นกัน เมื่อได้สดับพระราชประสงค์ของพระบิดา