ข้อความต้นฉบับในหน้า
หลวงพ่อให้ช่วยกันหาให้ทั่ว มองหาดูดี ๆ
มองหาอยู่สักพัก สรุปว่าหาไม่เจอ เมื่อเดินทางมายังพุทธศิลป์ หลวงพ่อถามอีกครั้ง หาเจอหรือยัง
ก่อนกลับเข้ากุฏิ หลวงพ่อถามอีกครั้งสองครั้ง หลังจากนั้นท่านก็ไม่ได้ถามอีก
ค่ำคืนนี้เมื่อมองพระจันทร์ที่ลอยเด่นตามที่หลวงพ่อให้ช่วยมองดูแล้ว ท่านไม่ได้ถามคำถามอื่นต่อ
หากหลวงพ่อถามถึงดวงดาวที่ให้หา ก็คงตอบท่านไปว่า ยังหาไม่เจอ
หลวงพ่อก็คงให้หาต่อไป หาให้เจอ
ในเรื่องนี้ไม่ว่าหลวงพ่อจะถามกี่ครั้ง ผมคิดว่าคำตอบที่ได้คงเหมือนกันทุกครั้ง คือหาไม่เจอ
เลยทำให้รู้สึก “สะดวกใจ” ที่หลวงพ่อไม่ได้ถาม
สะดวกใจ คือ ความสบายใจ ดีใจ โล่งใจ ผสมรวมกัน ความหมายของผมคือไม่ลำบากใจในการตอบ
เมื่อหลวงพ่อถาม
ที่ผ่านมาเราล้วนพบเจอเรื่องสะดวกใจที่หลวงพ่อไม่ได้ถามหลายต่อหลายเรื่องเช่น
นั่งธรรมะบ้างหรือเปล่า? นั่งธรรมะเป็นอย่างไรบ้าง? งานที่หลวงพ่อมอบหมายให้ทำไปถึงไหนแล้ว? เหล่านี้
เป็นต้น
จะตอบหลวงพ่ออย่างไร ในเมื่อไม่ค่อยมีเวลาได้นั่งสมาธิ หรือถ้านั่งแต่ผลการนั่งกลับไม่ค่อยก้าวหน้า
อย่างนี้จะกล้าไปสู้หน้าหลวงพ่อได้อย่างไร
ในเมื่อหลวงพ่อไม่ได้ถาม จึงกลายเป็นเรื่องสะดวกใจที่เราไม่ต้องลำบากใจในการตอบ
แต่เราอยากให้เป็นเรื่องสะดวกใจเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ก็เป็นเรื่องของเรา
ๆ
เป็นเรื่องของเราจริง ๆ ไม่ได้เป็นเรื่องของใครอื่น เพราะถ้าเราไม่ทำ คนที่จะเสียโอกาสจะเป็นใคร
ถ้าไม่ใช่เรา
แต่ถ้าเราทำต่อ ยังรักษาองค์พระให้ชัดใสสว่างได้ และได้ดีขึ้นกว่าเดิม นั่งธรรมะต่อเนื่องไม่เคยขาด
ทำหน้าที่กัลยาณมิตรได้สำเร็จ ทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายสำเร็จ บุญกุศลที่เกิดขึ้นจะเป็นของใคร ถ้าไม่ใช่
มองเรา
เรื่องของเราจึงเป็นเรื่องที่เราต้องทำต่อ แม้หลวงพ่อจะไม่ถาม
แต่ถ้าเราทำต่อ ทำจนได้ผลที่ดี จากเรื่องสะดวกใจที่ไม่อยากตอบ
จะเปลี่ยนเป็นเรื่องภาคภูมิใจที่อยากตอบหลวงพ่อขึ้นมาทันที
ไม่เอ่ยถาม
แต่ก็น่าแปลก เมื่อถึงคราวที่เป็นเรื่องภูมิใจที่อยากตอบ หลวงพ่อกลับเฉย ๆ
แต่ไม่ว่าท่านจะถาม หรือไม่ถาม ไม่ต้องวิตกกังวลใจ เพราะนั่นไม่ใช่เรื่องของเรา
เรื่องของเราคือ เราก็ทำของเราต่อไป