ข้อความต้นฉบับในหน้า
สา
ปกิณกธรรม
เรื่อง : พระมหาเสถียร สุวณฺณฐิโต ป.ธ. ๙ / พระมหาวิริยะ ธมฺมสารี ป.ธ. ๙ / ภาพประกอบ : กองพุทธศิลป์
วีรบุรุษกองทัพธรรม
exe
ochrym
“ภิกษุใดยังหนุ่มพากเพียรอยู่ในพระพุทธศาสนา ภิกษุนั้นย่อมยังโลกนี้ให้สว่าง
ดุจพระจันทร์ที่พ้นแล้วจากเมฆหมอก สว่างรุ่งเรืองฉะนั้น” (พุทธพจน์)
พุทธบุตรผู้เป็นวีรบุรุษกองทัพธรรมในยุค
หลังพุทธกาล...เป็นผู้นำสังคายนาพระไตรปิฎกใน
สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช และเป็นต้นคิดโครงการ
ส่งพระธรรมทูตขยายพระศาสนาสู่ดินแดนไกลโพ้น
จากอินเดีย ท่านเป็นเจ้าของวาทธรรมที่รู้จักกันดีว่า
“ผู้ใดอนุญาตให้บุตรของตนบวช ได้ชื่อว่าเป็นทายาท
พระศาสนา” ท่านผู้นี้มีนามอุโฆษว่า “พระโมคคลี
บุตรติสสเถระ” กว่าจะมาเป็นยอดวีรบุรุษกองทัพ
ธรรมผู้ยิ่งใหญ่ ล้วนต้องมีบุคคลอยู่เบื้องหลังความ
สำเร็จทั้งสิ้น
มหาพรหมผู้กอบกู้พระศาสนา
ย้อนไปเมื่อเสร็จสิ้นการสังคายนาครั้งที่ ๒
(พ.ศ. ๑๐๐) พระเถระทั้งหลายปรารภถึงภัยของ
พระศาสนาในอนาคต จึงใช้ญาณทัศนะตรวจดูก็เห็น
ว่า “สมัยพระเจ้าอโศก จักมีเสี้ยนหนามพระศาสนา
เกิดขึ้น เหล่าเดียรถีย์หวังลาภสักการะได้ปลอมตัว
เข้ามาบวช และบิดเบือนพระธรรมวินัย มีเพียง
ติสสมหาพรหมเท่านั้นที่จะรักษาพระศาสนาไว้ได้
จึงพร้อมใจกันเหาะขึ้นไปพรหมโลก อัญเชิญติสส
มหาพรหมว่า “ในอนาคตกาลนับแต่นี้ จะเกิดภัย
อย่างหนึ่งแก่พระศาสนา พวกเราตรวจดูหมดทั้ง
ภพสาม ก็มีท่านมหาพรหมเท่านั้นที่จะมาขจัดภัยนี้
ได้ ขอท่านจงรับคำเชิญเพื่อมากอบกู้พระศาสนา
ด้วยเถิด” มหาพรหมได้ฟังก็ร่าเริงใจ ตอบรับคำเชิญ
เหล่าพระมหาสมณะผู้ทรงคุณวิเศษ
ติสสมหาพรหมได้จุติมาเกิดในบ้านโมคคลี
พราหมณ์ ซึ่งยังไม่ใคร่นับถือพระพุทธศาสนาเลย
พระสิคควะได้รับหน้าที่จากหมู่สงฆ์ให้ไปทำหน้าที่
ชักชวนติสสะบวช ท่านไปยืนบิณฑบาตหน้าบ้าน
พราหมณ์ทุกวันไม่เคยขาดเลยเป็นเวลาถึง 5 ปี แต่
ก็ไม่เคยได้ข้าวสักทัพพีเลย แต่มีอยู่วันหนึ่งพระเถระ
มายืนหน้าบ้านตามปกติ คนในบ้านของพราหมณ์ได้
พูดกับท่านว่า “นิมนต์ไปโปรดบ้านอื่นเถิดท่าน
พราหมณ์ซึ่งกลับมาจากทำธุระนอกบ้าน ในระหว่าง
ทางได้เดินสวนกับพระเถระจึงเอ่ยถามว่า “ท่าน
นักบวช ท่านได้อะไรบ้างหรือยัง” พระเถระตอบว่า
“ได้แล้ว โยม” พราหมณ์รู้สึกขุ่นเคืองใจจึงกลับเข้าไป
ถามคนในบ้าน พวกเขาก็ยืนยันว่าไม่ได้ให้อะไรแก่
พระเถระเลย
วันต่อมาพราหมณ์จึงนั่งรอพระเถระเพื่อจะ
จับผิดท่าน พอพระเถระมาถึง เขาก็พูดว่า “เมื่อ
วานนี้ท่านไม่ได้อะไรจากเรือนข้าพเจ้า แต่กลับ
บอกว่าได้ แสดงว่าท่านพูดเท็จ” พระเถระจึงตอบ
กลับไปว่า “ดูก่อนพราหมณ์ ตลอด ๗ ปีมานี้ อาตมา
ไม่เคยได้อะไรแม้กระทั่งคำสนทนา แต่เมื่อวาน