ข้อความต้นฉบับในหน้า
ศูนย์กลางกายทุกวัน จนกระทั่งวันที่ ๑๒ กันยายน
จำได้ว่าวันนั้นได้นั่งสมาธิกับหลวงพ่อที่สภาธรรมกาย
สากล มีหลวงปู่ทองคำเป็นประธาน ในขณะที่กำลัง
ภาวนา “สัมมา อะระหัง” อยู่ รู้สึกว่าใจมันเคลิ้ม ๆ
อยู่ ๆ ก็วูบ เหมือนลื่นไถลไปกับราวบันได ใจมัน
เสียววูบ แต่ไม่ตกใจ แล้วก็เห็นแสงเหมือนฟ้าแลบ
เกิดขึ้นตรงกลางท้อง เปลวแสงกระจายตัวเป็นสีขาว
นวล ๆ แล้วม้วนรวมตัวเป็นวงกลม มีขนาดประมาณ
ลูกตาดำ สว่างเหมือนดวงเดือน เห็นชัดมาก สัก
พักเดียวดวงนั้นก็ขยายใหญ่แล้วหายไป แล้วก็มีแสง
แบบเดิมแทงขึ้นมาจากศูนย์กลางกาย ม้วนตัวเป็น
ลอยขึ้น
ดวงกลม ยขึ้น ขยายออก หายไป เป็นอย่างนี้
อย่างต่อเนื่อง แล้วจิตก็นิ่งไปเลย พอดูเฉย ๆ ภาพ
ก็ยิ่งชัดขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งนิ่ง ยิ่งชัด ลมหายใจก็สม่ำเสมอ
ไม่มีความสงสัยอะไรเลย เพลินมาก เป็นอารมณ์ที่
ยากจะบรรยายจริง ๆ หลังจากวันนั้นก็เริ่มมีกำลัง
ใจ และอยากจะนั่งแต่สมาธิ สะสมเวลานั่งมากขึ้น
ทั้งกลางวัน กลางคืน และไม่ว่าจะทำอะไรก็จะนึกถึง
ๆ
ดวงกลม ๆ ที่ศูนย์กลางกายเสมอ ทำให้ปรับใจได้
ง่าย เข้าถึงสมาธิได้เร็ว แล้วดวงกลม ๆ ก็พัฒนา
ขึ้นทุกวัน สว่างขึ้น ใสขึ้น โดยมีจุดตรงกลางใสที่สุด
โล่งจนมองทะลุได้เลย
วันหนึ่ง ขณะกำลังดูดวงใส ๆ ผุดขึ้นมา
อย่างเพลิน ๆ อาตมาก็มองไปตรงกลางดวง ตรง
จุดที่ใสที่สุดของทุก ๆ ดวง ดวงไหนผุดขึ้นมา อาตมา
ก็มองเข้าไปในดวงนั้น ก็รู้สึกเหมือนมีแรงดึงดูดให้
ลึกลงไปเรื่อย ๆ เร็วมาก แล้วก็มีแสงพุ่งออกมา
คลุมตัว ใจก็นิ่ง อยู่ ๆ ก็เห็นเศียรพระเป็นภาพ
ราง ค่อย ๆ ลอยขึ้นมา เห็นหน้าของท่านชัดที
ละนิด จนชัดเต็มองค์ ขนาดประมาณ ๓ เซนติเมตร
มีสีใสมาก ๆ เป็นประกายเลื่อม ๆ ระยิบระยับ
เหมือนประกายเพชร แล้วท่านก็ขยายใหญ่ขึ้น ใหญ่
มากจนหายไป แล้วก็มีองค์ใหม่ขึ้นมาเรื่อย ๆ ไม่
หยุด พอลืมตาแล้วท่านก็ยังอยู่ แล้วถ้าใจนิ่งดีก็จะ
เห็นท่านได้ชัดมาก ๆ เห็นองค์พระแล้วรู้สึกปีติใจ
มีความสุขมาก เป็นความสุขที่หาซื้อไม่ได้จากที่ไหน
มันสุขในใจจนสามารถยิ้มได้คนเดียว อาตมาโตมา
๔๗ ปี ก็ไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อนเลย
อยากพบความสุขแท้ ๆ สุขจริงหนอ หรือ
แป๋วแบบอันแต๊ก (สุขแบบไม่มีประมาณ) เช่นเดียว
กับพระธรรมทายาทเหล่านี้ ก็ต้องทำอย่างท่าน ขยัน
นั่ง ขยันนิ่ง ถ้าปฏิบัติกันจริง ๆ เดี๋ยวก็เข้าถึง
๕๑