ความกตัญญูของพระภิกษุและมหาอุบาสิกา วารสารอยู่ในบุญ ประจำเดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ.2554 หน้า 78
หน้าที่ 78 / 124

สรุปเนื้อหา

เรื่องราวกล่าวถึงพระภิกษุอรหันต์ทั้ง 60 รูป ที่รู้สึกขอบคุณมหาอุบาสิกามาติกาที่ช่วยอุปัฏฐากดูแลในช่วงพรรษา โดยพระภิกษุได้บรรลุธรรมาความสงบจากการสนับสนุนของมหาอุบาสิกา รวมถึงการรู้วาระจิตของพระภิกษุที่ทำให้เกิดความสงสัยและการตอบสนองที่ยอดเยี่ยมของมหาอุบาสิกา แต่สุดท้ายมีพระภิกษุรูปหนึ่งรู้สึกอับอายและตัดสินใจที่จะหนีไปจากที่นั้น

หัวข้อประเด็น

-พระภิกษุอรหันต์
-มหาอุบาสิกามาติกา
-อุปัฏฐาก
-ความรู้วาระจิต
-การบำเพ็ญเพียร

ข้อความต้นฉบับในหน้า

๗๖ 71 พระภิกษุอรหันต์ทั้ง ๖๐ รูป ต่างรู้สึกขอบคุณในมหาอุบาสิกายิ่งนัก เพราะหากไม่ ได้อาหารเป็นที่สบายแล้ว การแทงตลอดในมรรคผลย่อมไม่บังเกิดขึ้น จึงตัดสินใจอยู่เป็น เนื้อนาบุญให้มหาอุบาสิกาและชาวหมู่บ้านที่นั่นจนครบพรรษา ผ่านพ้นวันปวารณาแล้ว อำลามหาอุบาสิกาแล้ว ก็เดินทางกลับไปเฝ้าพระบรมศาสดาที่วัดเชตวนาราม เมืองสาวัตถี พระบรมศาสดาตรัสถามสุขทุกข์ของพระภิกษุทั้ง 50 รูปแล้ว ก็ได้รับการกราบทูล ว่า ความเป็นอยู่ที่วัดป่ามาติกคามมิได้ลำบากด้วยบิณฑบาตแม้แต่วันเดียว ด้วยเพราะได้ อาศัยมหาอุบาสิกาชื่อ มาติกามาตา ผู้เป็นมารดาของหัวหน้าหมู่บ้าน ให้การอุปัฏฐากดูแล ตลอดทั้งพรรษา ด้วยอำนาจแห่งการหยั่งรู้วาระจิต จึงได้ถวายอาหารเป็นที่สบาย ยังผล ให้จิตหยุดนิ่งเป็นอารมณ์เดียว บรรลุธรรมาพิสมัยตามรอยบาทของพระพุทธองค์ไปได้สำเร็จ เมื่อพระภิกษุรูปอื่นได้ทราบข่าวนั้นแล้ว หลังจากเรียนกรรมฐานจากพระบรมศาสดา แล้ว ก็กราบทูลลาไปบำเพ็ญเพียรที่วัดป่าแห่งนั้น เมื่อไปถึงที่นั่น ภิกษุรูปหนึ่งก็นึกถึง คำร่ำลือเรื่องการหยั่งรู้วาระจิตของมหาอุบาสิกา จึงคิดในใจว่า “วันนี้เราเหน็ดเหนื่อยกับ การเดินทางยิ่งนัก หากอุบาสิกานี้ส่งคนมาช่วยกวาดทำความสะอาดวิหารก็จะเป็นการดี” มหาอุบาสิกาทราบวาระจิตนั้นแล้ว ก็ส่งคนไปทำความสะอาดตามความดำริของภิกษุรูปนั้น ส่วนพระภิกษุอีกรูปหนึ่งมีความกระหายอยากจะดื่มน้ำ ก็นึกในใจว่า “หากได้น้ำ ละลายน้ำตาลกรวดก็จะเป็นการดี” มหาอุบาสิกาทราบวาระจิตนั้นแล้ว ก็ได้ส่งให้คนนำน้ำ นั้นไปให้ เมื่อพระภิกษุรูปนั้นดื่มน้ำแล้ว ก็คิดว่า “ถ้าพรุ่งนี้ได้ฉันข้าวยาคูในตอนเช้าก็จะ เป็นการดี” พอวันรุ่งขึ้น มหาอุบาสิกาก็ส่งคนให้นำข้าวยาคูไปถวาย หลังจากดื่มข้าวยาคู แล้ว ก็คิดว่า “หากได้ของขบเคี้ยวก็จะเป็นการดี” มหาอุบาสิการู้วาระจิตนั้นแล้ว ก็ส่งคน ให้นำของขบเคี้ยวไปถวายอีก ภิกษุรูปนั้นได้ของขบเคี้ยวแล้ว ก็ยังไม่หายสงสัย คิดอีกว่า “หากโยมอุบาสิกานำโภชนาหารเลิศรสมาถวายด้วยตัวเองก็จะเป็นการดี” มหาอุบาสิกาทราบ ความประสงค์ของพระภิกษุผู้เป็นเสมือนบุตรของตนนั้นแล้ว ก็สั่งให้บริวารถือโภชนาหาร ไปยังวิหาร จากนั้นก็ถวายโภชนาหารเลิศรสนั้นด้วยมือของตัวเอง ภิกษุรูปนั้นขบฉันภัตตาหารเสร็จแล้ว ก็ยังไม่สิ้นสงสัย จึงสอบถามว่า “มหาอุบาสิกา ท่านทราบวาระจิตของเราหรือ” มาติกามาตามิได้กล่าวแสดงคุณวิเศษของตนโดยตรง กลับกล่าวด้วยถ้อยคำถ่อมตนว่า “ธรรมดาผู้คนทั้งหลายที่รู้วาระจิตของผู้อื่น ย่อมทำ อย่างนั้นได้” เมื่อภิกษุรูปนั้นได้ยินเช่นนั้น ก็คิดขึ้นว่า “ธรรมดาปุถุชนเช่นเรา ย่อมมีจิตเผลอไผล คิดถึงอารมณ์อันไม่งามบ้าง หากจิตของเราคิดในเรื่องที่ไม่สมควร อุบาสิกานี้ก็จะล่วงรู้ เราย่อมตกอยู่ในสภาพเหมือนดั่งโจรที่ถูกจับกระชากมวยผมพร้อมด้วยของกลาง เราควร หนีไปจากที่นี้ดีกว่า” เมื่อคิดเช่นนั้น ก็กล่าวลามหาอุบาสิกาออกจากวัดป่าแห่งนั้นทันที ภิกษุรูปนั้นเมื่อกลับถึงวัดเชตวนารามแล้ว ก็เข้าไปกราบพระบรมศาสดา ภิกษุ
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More