ข้อความต้นฉบับในหน้า
เพียงใด ความเจริญทางด้านจิตใจกลับยิ่งตกต่ำลง
อย่างชัดเจน แต่บัดนี้ โลกกำลังมีคลื่นแห่งความดี
ยุคใหม่ นั่นคือ อุบาสิกาแก้ว ผู้ปฏิบัติตามทางสาย
กลาง คือ อริยมรรคมีองค์ ๘ ผู้กอปรด้วยคุณธรรม
ความมีศีล ๘ เป็นอาภรณ์ ประดับกาย วาจา ใจ
งดงามและบริสุทธิ์ประดุจดอกไม้แรกแย้ม แม้กาย
ภายนอกก็สว่างสดใส ด้วยอานุภาพแห่งศีล และ
กายภายในก็เป็นหน่อเนื้อแห่งพุทธะ เป็นกายแก้ว
ภายในที่สุกใสสว่างด้วยอำนาจแห่งศีล สมาธิ และ
ปัญญา และกอปรด้วยอุดมการณ์มุ่งมั่น ที่จะช่วย
กันสืบสานจรรโลงพระพุทธศาสนาในยุคปัจจุบัน
แม้วันบวชก็ดังกึกก้องกังวานไกล
ภาพแห่งความทรงจำที่ไม่เคยลืมเลือนและยัง
ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งในแผ่นดินไทยและในชีวิต
ของแต่ละคน นั่นก็คือ ภาพสตรีผู้มีศีลแต่งกายด้วย
ชุดขาวบริสุทธิ์ในนามอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน ได้ไป
พร้อมเพรียงกันเพื่อกล่าวคำขอศีล เพื่อจะยกตนเข้า
สู่ความเป็นอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนรุ่นประวัติศาสตร์
กว่าล้านคนทั่วโลก ณ ลานธรรม มหาธรรมกายเจดีย์
จนพระศีลาจารย์ คือ พระธรรมกิตติวงศ์ได้กล่าว
ให้โอวาทด้วยความชื่นชมตอนหนึ่งว่า
“วันนี้เป็นวันประวัติศาสตร์ของพระพุทธ
ศาสนา ท่านทั้งหลายได้มาประชุมรวมกัน ได้เข้าร่วม
พิธี ได้เปล่งวาจาให้พระสงฆ์ได้รับรู้รับทราบว่าเป็น
อุบาสิกาผู้นั่งใกล้พระรัตนตรัย เสียงที่ท่านทั้งหลาย
ได้เปล่งวาจาขอบวชและขอศีลดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ
มิใช่เฉพาะในบริเวณนี้เท่านั้น แต่ดังกึกก้องไปทั่วโลก
ทั่วจักรวาล ดังไปถึงพรหมโลก เหล่าเทพยดา อินทร์
พรหม ยม ยักษ์ย่อมได้ยิน เพราะนี่เป็นเสียงแห่งบุญ
เป็นเสียงแห่งจิตใจล้านดวงที่เป็นหนึ่งเดียว มีพลัง
มีอานุภาพมาก สามารถที่จะดังกึกก้องไปทั่วจักรวาล
ดังที่กล่าวมา ท่านเหล่านั้นก็จะได้อนุโมทนากับท่าน
ทั้งหลาย และจะได้บันทึกไว้ว่าท่านทั้งหลายเป็นผู้ที่
มีความมั่นคงในพระรัตนตรัย เป็นอุบาสิกาแก้วใน
พระพุทธศาสนา”
ชีวิตของนักบวชสตรี
ที่เริ่มต้นจากความไม่เคย
มีอุบาสิกาแก้วไม่น้อยที่เปิดเผยว่าตนเองเพิ่ง
เข้าร่วมโครงการบวชเป็นครั้งแรก แต่เมื่อเข้ามาร่วม
เป็นหนึ่งในโครงการแล้ว แม้จะต้องปรับตัวและร่วม
๑๐