ข้อความต้นฉบับในหน้า
ตามไปดูได้ว่า บาปกรรมนั้นเป็นผังสำเร็จเข้าไปในใจเราขนาดไหน จะต้องไปตกนรกขุมไหน แต่
ที่ง่ายกว่า คือนับแต่วันนี้เป็นต้นไป ทำอย่างไรเราจะมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์อยู่ตลอดเวลา
แล้วจะไม่เผลอไผลไปทำอะไรที่เสียหาย มองตรงนี้แล้วก็หาวิธีที่จะทำให้เรามีสติ มีความรู้ตัว ที่
จะทำทุกสิ่งทุกอย่างให้รอบคอบขึ้นดีกว่า
ข้าวของต่าง ๆ ที่มีโอกาสจะแตก จะเสียหาย ก็ป้องกันไว้ให้ดี อย่างนี้เป็นบทฝึกสติให้เราด้วย
ให้กับลูกหลานด้วย อันนี้แบบโลก ๆ ก่อน แต่เมื่อก้าวเข้าไปสู่ทางธรรม ลึกขึ้นไปอีกหน่อย ไม่ว่า
จะยืน จะเดิน จะนั่ง จะนอน หมั่นฝึกสติให้ได้ทุกอิริยาบถ ตั้งแต่ตื่นเช้าก่อนนอน ให้ฝึกว่าเรา
จะนึกถึงพระในตัวเราเป็นสิ่งแรก หรือจะนึกถึงพระคุณของพ่อแม่เป็นสิ่งแรก ฝึกอย่างนี้ก่อน
หัดให้เคย ก็เพราะอย่างนี้แหละ ปู่ย่าตาทวดของเราตื่นเช้าขึ้นมาล้างหน้าล้างตาเสร็จสรรพ ท่าน
ก็สวดมนต์ไหว้พระก่อนจะไปเตรียมข้าวปลาอาหาร ก่อนจะออกไปทำงาน คือ ตื่นเช้าขึ้นมาก็ฝึก
สติให้นึกถึงเรื่องการทำบุญทำทาน ฝึกสติให้นึกถึงพระในตัว นึกถึงความดีที่จะทำในวันนี้ พอถึง
เวลาจะออกนอกบ้านจริง ๆ ก็ฝึกสติอีก รีบไปที่ห้องพระ กราบพระประธานแล้วก็สมาทานศีล ๕
กับองค์พระ เสร็จเรียบร้อยแล้วค่อยออกจากบ้านไปทำงาน เป็นการสัญญากับพระท่านว่าวันนี้
ศีล ๕ ข้อ จะไม่พลาดไปละเมิดทีเดียว
ถ้าโต๊ะหมู่ที่บ้านไม่มี ก็อาราธนาพระที่ห้อยอยู่ในคอใส่มือเข้า แล้วก็สัญญากับหลวงพ่อ
ในมือว่า วันนี้จะระวังสติให้ดี ข้อที่ ๑ อย่าว่าแต่ไปฆ่าคนเลย มดสักตัวหนึ่งก็จะไม่บี้ ยุงสัก
ตัวหนึ่งก็จะไม่ตบ ข้อที่ ๒ วันนี้อย่าว่าแต่ไปลักไปโกงใครเลย แค่คิดอยากได้ของคนอื่นก็จะไม่คิด
จะห้ามสติให้อยู่ ถ้าอย่างนี้ละก็ สติดีวันดีคืน ข้อที่ ๓ วันนี้ไม่เจ้าชู้เด็ดขาด อย่าว่าแต่ไปเจ้าชู้
ไปตาหวานกับเมียเขาลูกใครเลย แม้แต่จะคิดเรื่องนี้ก็ไม่คิด จะตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากิน ตั้งฐานะ
ให้ดี ข้อที่ วันนี้ถ้าพูดแล้วต้องจริง ทำอย่างไรจะพูดอย่างนั้น พูดอย่างไรก็จะทำอย่างนั้น
เรื่องขี้โม้ขี้คุยจะไม่หลุดออกจากปากเราเป็นอันขาด ข้อที่ ๕ วันนี้ไม่ว่าเหล้าไม่ว่าเบียร์ จะไม่ให้
ล่วงล้ำเกินเข้าลำคอ บุหรี่ก็ไม่เอา ฝึกสตินึกถึงศีลของเราอย่างนี้ โอกาสที่จะเพลี่ยงพล้ำไป
ทำกรรมไม่ดี ไม่ว่าเจตนาหรือไม่เจตนาก็ยากที่จะเกิดกับเรา
ๆ
พิจารณาสิ่งเหล่านี้ให้ชัด ๆ ในกิจวัตรทุกอย่างที่เราจะต้องทำในวันหนึ่ง ๆ จะหยิบเสื้อ
ขึ้นมาใส่ก็พิจารณา เช่น เสื้อตัวนี้ใส่แล้วรัดรูปมากไปไหม สั้นไปจนสะดือเปิดไหม เดี๋ยวใครเห็น
เข้าจะเผลอสติ นึกเรื่องที่ไม่เป็นมงคลกับเรา เราก็จะเดือดร้อน แล้วจะไปโทษเขาก็ไม่ได้
ต้องโทษเราที่เผลอสติไปใส่เสื้อรัดรูป ไปใส่เสื้อสั้น นุ่งกระโปรงสั้น ฝึกสติไปอย่างนี้ แล้วโอกาสที่
เราจะพลาดเรื่องอะไร ๆ ก็จะน้อยลงไปทุกที ทุกอย่างที่เราทำจะทำอยู่บนพื้นฐานของความมีสติ
เรื่อยไป ที่จะเผลอไปทำอะไรไม่เหมาะไม่ควรก็จะไม่มี แล้วก็ไม่ต้องมาคิดเรื่องทำกรรมโดย
เจตนากับไม่เจตนา ทุกอย่างมีเจตนาหมด คือ มีเจตนาที่จะละชั่ว มีเจตนาที่จะทำดี มีเจตนาที่
จะทำใจให้ผ่องใส ทั้งให้ผ่องใสแก่ตัวเอง ให้ผ่องใสกับคนทุกคนที่เห็นเรา ที่เราเข้าไปเกี่ยวข้อง
ไม่ว่าที่ไหนก็ตาม เมื่อเราไปยืนอยู่แล้วมีแต่ความสดใส มีแต่คนมีเจตนาที่จะทำความดีตามเรา
ทำใจผ่องใสตามเรา ตามพระสงฆ์ ตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไป พิจารณาอย่างนี้ ทำอย่างนี้
เหมาะกว่าที่จะมานั่งเจาะไปว่ากรรมโน้นกรรมนี้ ไหนหนักไหนเบา 2