ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - บาลีไวยกรณ์ สมัญญาภิธานและสนธิ - หน้าที่ 18
สระสนธิ
[๑๕] ในสระสนธิ ได้สนธิกิริโยปกรณ์เบื้องต้นครบทั้ง 4 ขาด
แต่ สญฺโญโค อย่างเดียว, โลโป ที่ต้นมี ๒ คือ ลบสระหน้า ๑ ลบ
สระหลัง ๑. สระที่สุดของศัพท์หน้า เรียกสระหน้า สระหน้าของ
๒
ศัพท์หลัง เรียกสระเบื้องปลาย หรือสระหลัง เมื่อสระทั้ง ๒ นี้ไม่มี
พยัญชนะอื่นคั่นในระหว่าง ลบได้ตัวหนึ่ง ถ้าพยัญชนะคั่น ลบ
ไม่ได้ ลบสระเบื้องต้น ท่านวางอุทาหรณ์ไว้ดังนี้ ยสส-อินทริยานิ
ลบสระหน้า คือ อ ในที่สุดแห่งศัพท์ ยสฺส เสีย สนธิเป็น ยสฺสินทริยานิ
โนริ -เอต ลบสระหน้า คือ อิ ที่สุดแห่งศัพท์ โนริ เสีย สนธิเป็น
โนเหตุ, สเมต-อายสฺมา ลบสระหน้าคือ อุ ที่สุดแห่งศัพท์ สเมต
เสีย สนธิเป็น สเมตายสุมา, ในอุทาหรณ์เหล่านี้ สระหน้าเป็นรัสสะ
สระเบื้องปลาย อยู่หน้าพยัญชนะสังโยคบ้าง เป็นทีฆะบ้าง จึงเป็น
แต่ลบสระหน้าอย่างเดียว ถ้าสระทั้ง ๒ เป็นรัสสะมีรูปเสมอกัน คือ
เป็น อ หรือ อิ หรือ อุ ทั้ง ๒ ตัว เมื่อลบแล้วต้องทำสระที่ไม่ได้
ลบด้วยทีฆะสนธิที่แสดงไว้ข้างหน้า เหมือน อุ. ว่า ตตฺร-อยู่ เป็น
ตตฺราย เป็นต้น [ถ้าสระทั้ง ๒ เป็นรัสสะ แต่มีรูปไม่เสมอกัน คือ
ข้างหนึ่งเป็น อ ข้างหนึ่งเป็น อิ หรือ อุ ก็ดี ข้างหนึ่งเป็น อิ ข้าง
หนึ่งเป็น อุ หรือ อ ก็ดี ข้างหนึ่งเป็น อุ ข้างหนึ่งเป็น อ หรือ อิ ก็ดี
๑. ตามวิธีใช้อักษรในภาษามคธ ที่สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส
เรียงเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๒ ทรงแนะนำไว้ในข้อ ๑๕ ว่า บทหรือศัพท์ที่เป็นสระโลปสนธิ เมื่อ
ลบสระตัวหนึ่งเสียแล้ว จักทีฆะสระที่เหลือเช่น ตตฺร-อิเม เป็น ตตฺรีเม วิ-อติกฺกโม เป็น
วีติกฺกโม ยกเลิกแบบว่า สระสั้น มีรูปไม่เสมอกัน เข้าสนธิ ไม่ทีฆะ ฯ