ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - บาลีไวยกรณ์ สมัญญาภิธานและสนธิ - หน้าที่ 25
เป็น ปุลลิงค์, ส-ลักขณา เป็น สลุลกฺขณา เป็นต้น, ถ้าสระอยู่
เบื้องปลาย แปลงนิคคหิตเป็น ม และ ท ดังนี้ ตอห์ เป็น ตมห
พรูมิ พฺราหฺมณ์, เอต-อโวจ เป็น เอตทโวจ.
[๒๓] นิคคหิตอาคมนั้นดังนี้ เมื่อสระก็ดี พยัญชนะก็ดี อยู่
เบื้องหลัง ลงนิคคหิตได้บ้าง Q. ว่า จกฺขุ-อุทปาทิ เป็น จกฺขุ
อุทปาทิ, อว-สิโร เป็น อวํสิโร เป็นต้น.
[๓๔] ปกตินิคคหิตนั้น ก็ไม่วิเศษอันใด ควรจะลบหรือแปลง
หรือลงนิคคหิตอาคมได้ ไม่ทำอย่างนั้น ปกติไว้ตามรูปเดิม เหมือน
คำว่า ธมฺม จเร ก็คงไว้ตามเดิม ไม่อาเทสนิคคหิตเป็น ณ ให้เป็น
ธมฺมณุจเร เป็นต้น เท่านั้น
วิธีทำสนธิในบาลีภาษานั้น ท่านไม่นิยมให้เป็นแบบเดียว ซึ่ง
จะยักเยื้องเป็นอย่างอื่นไม่ได้ เหมือนวิธีสนธิในสันสกฤตภาษา ผ่อน
ให้ตามอัธยาศัยของผู้ทำ จะน้อมไปให้ต้องตามสนธิกิริโยปกรณ์
อย่างหนึ่งอย่างใดที่ตนชอบใจ ถ้าไม่ผิดแล้ว ก็เป็นอันใช้ได้ ส่วน
ในสันสกฤตนั้น มีวิธีข้อบังคับเป็นแบบเดียว ยักเยื้องเป็นอย่างอื่น
ไปไม่ได้ จะเลือกเอาวิธีนั้น ซึ่งจะใช้ได้ในบาลีภาษามาเขียนไว้ที่นี้
เพื่อจะได้เป็นเครื่องประดับปัญญาของผู้ศึกษา แต่พอสมควร