ข้อความต้นฉบับในหน้า
แบนเรียนบาลีโอวาทการสมุรณ์แบบ
๔. สระรีสะสะเมือนพี่ชุนสะลังไอญต้อง เช่น มนุสสิโน
๕. สระรีสะสะเมือนคติอยู่เบิ่องหลัง เช่น โกลสยู
๖. สระรีสะอยู่ท้ายบากกา เช่น ยนุกนิสิงตู๋ องมงคุณง
๗. สระต่อไปนี้ชื่อว่า ลูบ ออกเสียงเบา คือ สระที่เป็นสระส่วน ๆ ไม่มีพยัญชนะสังโยค หรือไม่มีพยัญชนะอยู่เบิ้องหลัง เช่น ปิด มูณี
๘. สระจัดเป็นวรรคณะ เรียกว่า สํานณฑะ คือ มีมูลเกิดในเท่ากัน หรือจัดเป็นคู่กันได้ ๒ คู่ คือ
อา เรียกว่า อวัจฉนะ
อี อี เรียกว่า อวัจฉนะ
๙. เอ โอ ตั้วจัดเป็น อวัจฉนะ คือไม่เป็นคู่กับอะไร ๆ เพราะฉะนั้นชื่อว่า สัมสุขตะ เกิดมาจากการผสมสระกัน ดังนี้
อ กับ อิ ผลมักเป็น เอ
อ กับ อุ ผลมักเป็น โอ
๑๐. การเขียนสระด้วยอักษรไทยมี ๒ แบบ คือ
๑. แบบสระลอย จจะปรากฏว่ามี อ ตัวนำ อ อักษร ปรากฏอยู่ด้วยเสมอ เช่น อ. อา. อิ. อี. อุ. อู. เอ
๒. แบบสระมุม คือ จมเข้าไปอยู่ในพยัญชนะ จะไม่ปรากฏมี อ ตัวนำอยู่ด้วย เช่น ก. กา. กิ. กี. กุ. กู. เก. เก๋.
พยัญชนะ ๓ ตัว
๑. อักษรเหลือจากสระ มีทั้งหมด ๓ ตัวมา เป็นตัวมี (นาคติ) เป็นที่สุด สื่อว่า พยัญชนะ
๒. พยัญชนะแปลว่า ท่านอัปความให้ปรากฏ เช่น โอ เมื่อผลมาก ๆ เป็น ไก่ มีความหมายว่า ใคร. อะไร ฯลฯ
๓. พยัญชนะชื่อว่า นิสิต แปลว่า ผู้อาศัย เพราะพยัญชนะออกเสียงตามลำพังเหมือนสระไม่ได้ ต้องอาศัยสระจึงออกเสียงได้
๔. การเขียนพยัญชนะแบบไม่มีสระเป็นที่ด้ามีสี เช่น มีน ฯพินุ อยู่ด้านล่างพยัญชนะ เช่น ก ข ฯ ค ม ฯ ง ฯ ฯ ฯ ฯ ฯ ฯ ฯ
๕. การเขียนพยัญชนะมี สระเป็นที่อาศัย จะแท้ . (พินุ) อยู่ด้านล่างพยัญชนะ เช่น ก ก. กิ. กี. กุ. กู