ข้อความต้นฉบับในหน้า
ปฏิบัติธรรมไม่เน้นฉันภัตตาหาร
จากสกลนคร หลวงปูสัมฤทธิ์ สังวโร กลับมาจำพรรษาที่
วัดป่าในอำเภอต่างๆ ของบุรีรัมย์ เพื่อหาที่วิเวก เนื่องจาก
บุรีรัมย์มีวัดป่ามากกว่าสุรินทร์บ้านเดิมของท่าน พระอาจารย์
ได้แนะนำข้อวัตรปฏิบัติ ศึกษาธรรมะให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นไป หลวงปู่
เคารพเชื่อฟังและอ่อนน้อมถ่อมตนต่อพระเถระอย่างยิ่ง ท่าน
อยู่ที่คงและที่ดอน เช่น อำเภอกระสัง นางรอง หนองกี่ และ
ประโคนชัย และกลับไปจำพรรษาที่สุรินทร์ 6 เดือนสุดท้าย
ก่อนมรณภาพที่วัดกระทมวนาราม
กิจวัตรและกิจกรรมของหลวงปูสัมฤทธิ์ สังวโร คือ ตื่นตี
3 ด้วยเสียงระฆังดังทั่ววัดป่า สวดมนต์และภาวนาจนได้อรุณ คือ
ก่อน 06.00 นาฬิกา บิณฑบาต 06.00 นาฬิกา กลับ 07.30 นาฬิกา
ฉันภัตตาหาร 08.00-09.00 นาฬิกา วันพระ เทศนาให้โยมฟัง
ช่วงเช้า ญาติโยมถวายภัตตาหาร แล้วทำกิจวัตรส่วนตัวถึง 15.00
นาฬิกา ปัดกวาดลานวัด ทําความสะอาดเสนาสนะ ฉันน้ำปานะ
เรียนนักธรรมด้วยตนเอง และสอบวัดผลในพรรษา ตกเย็น ฉัน
น้ำปานะ และทำกิจส่วนตัวมีสรงน้ำ 18.00 นาฬิกา สงฆ์รวม
ตัวกันเวลา 19.00 นาฬิกา สวดมนต์ท่าวัตรเย็นและภาวนาจนถึง
21.00 นาฬิกา ทุกวัน ถ้าครูบาอาจารย์มา หลวงปู่สัมฤทธิ์ จะ
ปฏิบัติครูบาอาจารย์ ถวายน้ำร้อนน้ำเย็น จับเส้นจับสาย นวด
12
case study
ให้ทาน ราว 22.00 นาฬิกา จึง
แยกย้ายกันไปจําวัด
พระประทีป ธีรปัญโญ เจ้า
คณะตำาบลไพศาล วัดหนองม่วง
(วัดป่าประโคนชัย) พระสหธรรมิก
เคยได้ยินหลวงปูสัมฤทธิ์พูดว่า
“ชีวิตนี้บวชแล้ว มีแต
ความสุข ไม่มีอะไรมีความสุข หลวงปู่มรณภาพที่กุฏิหลังนี้
เท่ากับการบวชอีกแล้ว อาตมา
เห็นคุณค่าของการบวชมาก คิดดูสิว่า การเป็นพระดีขนาดไหน
เวลาเดินผ่านหน้าบ้าน โยมถวายข้าวของแล้วยังยกมือไหว้อีก
ถ้าเราเป็นคน ใครที่ไหนจะให้ ใครที่ไหนจะไหว้ นี่เป็นศักดิ์ศรี
ของพระ ซึ่งเป็นเพศที่สูงยิ่ง อาตมามีแต่ความภาคภูมิใจ ที่จะ
อยู่ในเพศนี้ และมองเห็นประโยชน์ของการบวชตลอดไป คนที่
อยากสึก เขาไม่ได้มองอย่างนี้ ส่วนคนที่มองเห็นคุณค่าของ
การบวช จะบวชได้นาน"
บางครั้งมีพระหนุ่มๆ แกล้งลองใจหลวงปู่ว่า “ผมไม่เคย
มีลูกมีเมีย อยากฝึกไปลองดูบ้าง” หลวงปูสัมฤทธิ์รีบห้ามว่า “อย่า
ไปลองทีเดียว มันทุกข์และมีแต่ทุกข์ ฝนตก ถ้าเราไม่ออกไปจับ
กบจับปลา เขาก็บ่น ไปวัดมากเขาก็บ่นว่า ดีแต่ไปวัด ชาวบ้าน
13
กฎแห่งกรรม