ข้อความต้นฉบับในหน้า
เหตุการณ์ที่สำนักสงฆ์
ครั้นไปถึงสำนักสงฆ์ เด็กๆ กำลังอาละวาดกันใหญ่ พอพี่ๆ
ไปจับตัวเด็กๆ กระเด็นผางออกมา บางคนร้องกรี้ดๆ อย่างน่า
กลัว เด็กหลายคนตะโกนสั่งงานคนโน้นคนนี้ มีคนหนึ่งสั่งเด็ก
ทุกคนให้มารวมกันหน้าพระพุทธรูป พอมารวมกันแล้ว เด็กเดิน
วนรอบพระพุทธรูปก็มี ร้องรำทำเพลงไปด้วยก็มี จนต้องนำ
เด็กที่มีอาการทั้งหมดไปวัดใหญ่แห่งหนึ่งในตัวจังหวัดอุทัยธานี
ภายในคืนนั้น บ่ากับนักศึกษาชื่อนายปุรีบขับรถออกจาก
ห้วยคตไปขอพึ่งพระพระอาจารย์ของป่าที่วัดป่าสกลนคร
วัดใหญ่ในอุทัยธานี
พระที่วัดแห่งนั้น เอาสายสิญจน์ปลุกเสกมาผูกข้อมือเด็กที่
ถูกผีเข้าทุกคน และบอกให้เด็กๆ ค้างที่วัด โดยให้นักเรียนพัก
ห้องละ 1 คน มีพี่เลี้ยงเฝ้าดู 2 คน ส่วนนักเรียนคนที่หมอ
ฉีดยานอนหลับให้ 8 เข็ม พี่ๆต้องผลัดกันเฝ้า ได้นอนคนละ 1
ชั่วโมง
เด็กคนหนึ่งไม่ยอมให้พี่ๆ นักศึกษาเรียกเขาว่า “น้อง”
เพราะเขาเป็น “คนอื่น” ไม่ใช่น้อง และขอให้แกะสายสิญจน์ออก
จากข้อมือของเขาเสียก่อน เขาจึงจะออกไปจากร่างของเด็กได้
พี่ๆ จึงแกะสายสิญจน์ออกจากข้อมือของน้องๆ ทั้ง 8 คน แล้ว
ผูกข้อมือใหม่ น้องๆ จึงเริ่มดีขึ้น ก่อนหลับ มีเสียงทุบผนังห้อง
ข้างๆ ทั้งที่ไม่มีใครอยู่ในห้องนั้นเลย
รุ่งเช้า พอตื่นขึ้นมา เด็กชายตะคว้าหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ
กลศาสตร์ของไหล มานั่งพิงเสาอ่าน แม่ของตะเข้ามาถาม
ลูกชายว่า “ลูกไม่เคยชอบอ่านหนังสือ และลูกก็ไม่เคยเรียน
หนังสือเล่มนี้ ทําไมถึงอ่านล่ะ?”
เสียงตะตอบแม่ว่า “ผมเคยเรียน แต่ชื่อโรงเรียนผมอ่าน
ไม่ออกเพราะเป็นภาษาอังกฤษ"
เอกฉัตรได้ยินรู้สึกประหลาดใจมากเพราะมันเป็นหนังสือ
สมัยที่เขาเรียนปวส.ที่โรงเรียนโปลีเทคนิคแห่งหนึ่งแถวลาดพร้าว
น้องตะเพิ่งเรียนชั้น ม.3 และไม่ใช่เด็กเรียนเก่ง แต่สามารถ
อธิบายสมการของของไหลได้อย่างไร เขารู้สึกสับสนอีกแล้ว
น้องต๊ะบอกว่า จิตของเอกฉัตรค้างอยู่ที่น้องต๊ะส่วนหนึ่งตอน
จับมือกันไว้ที่สํานักสงฆ์
พอเลิกอ่านหนังสือกลศาสตร์ของไหลแล้ว น้องต๊ะตรง
เข้าไปกอดแม่ของเพื่อน เรียกแม่ของเพื่อนว่า “แม่” ทําให้แม่ของ
ตะถึงกับร้องไห้ด้วยความสงสารลูกชาย
หัวหน้าเจ้าที
อีกฟากหนึ่งของอาคาร ณ วัดแห่งนั้น มีนักเรียน 1 ใน 8
84
case study
85
กฎแห่งกรรม