ข้อความต้นฉบับในหน้า
การครองคน-ครองงาน
พูดง่ายๆ อย่าไปหาตัวว่าใครผิด แต่ให้ไปหาว่าความผิดคือ
อะไร เรามาช่วยกันหาความผิด แล้วช่วยกันแก้ไข โดยเริ่มจากความ
บกพร่องของตัวเอง ให้ตั้งความปรารถนาดีซึ่งกันและกันเอาไว้
ฝ่ายนายจ้าง ก็สร้างความรู้สึกว่า ตัวเรานี่ถ้าเป็นอวัยวะก็
เหมือนหัว ฝ่ายลูกจ้างก็ให้ทำความรู้สึกว่าเราเป็นมือเป็นเท้า หรือเป็น
แขนเป็นขา
คนเราถ้ามีแต่หัว ไม่มีแขนไม่มีขานี่ทำงานไม่ได้หรอกนะ ฉลาด
ก็ฉลาดไปเถอะ ในฝ่ายลูกจ้างก็ทำความรู้สึกว่า ถึงแม้มีมือและเท้าแข็ง
แรงกว่าใครๆ ทั้งโลก แต่ถ้าหัวขาดก็ทำงานไม่ได้ เมื่อต่างฝ่ายต่าง
นึกเสียว่า ทั้งลูกจ้างกับนายจ้างต่างเป็นอวัยวะเป็นส่วนประกอบใน
ตัวด้วยกันแล้ว เดี๋ยวก็หันหน้าเข้าหากันเอง ค่อยแก้ไขกันไป หรือไม่
อย่างนั้นจะนึกถึงความเป็นญาติกันก็ได้ นายจ้างทำความรู้สึกว่าตัว
เรานี่เหมือนอย่างกับเป็นพ่อเป็นแม่ ลูกจ้างก็ทำความรู้สึกอย่างกับเป็น
ลูกเป็นหลาน มีความผูกพันกันอย่างนี้ เดี๋ยวก็หันหน้าเข้าหากันจนได้
ในการค้นหาข้อบกพร่องของตัวเองในกรณีเป็นลูกจ้าง นาย
จ้างกันนั้น ปู่ย่าตาทวดมีวิธีให้ค้นอย่างนี้
ให้ลูกจ้างถามปัญหาตัวเองขึ้นมา ๔ ข้อว่า
๑. ทุกครั้งที่เราทำงาน หรือที่มีงานมา เรา “เต็มใจ” ทำทุก
ครั้งเหมือนเป็นงานของเราเองหรือเปล่า
๒. เมื่อพบอุปสรรคในงาน เรา “แข็งใจ” ทำหรือเปล่า
๓. เมื่อแข็งใจ เต็มใจทำแล้ว ในการทำงานแต่ละครั้ง เรา
“ตั้งใจ” ทำให้ดีที่สุดหรือเปล่า
๔. เรา “เข้าใจ” วิธีทำงานแต่ละชิ้นหรือเปล่า ไม่ใช่ว่าขยัน
พระภาวนาวิริยคุณ 22
(เผด็จ ทั ต ต ชีโว)